EP.5
โดนจับตัว
เฟร็ดลืมตาช้าๆ และพยายามยันตัวขึ้นมาจากพื้นหินที่เย็นชื้น เขาพบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ในห้องมืดๆ ที่หนาวเย็นและเหม็นอับ เขากวาดสายตาไปรอบๆ ห้องที่พื้นมีตะไคร่เกาะอยู่ทั่วทุกมุมห้อง มันดูคล้ายคุก ใช่…ตอนนี้เขากำลังติดอยู่ในคุกใต้ดิน เขาสบัดหัวไล่ความง่วงงุน ก่อนจะลองปะติดปะต่อเรื่องราวคร่าวๆ ก่อนที่ตนจะมาอยู่ที่นี่ เขาจำได้ว่า…
4 hour ago
หลังจากแยกทางกับจอร์จที่บอกว่า จะขออยู่เคลียงานที่ร้านก่อนจะไปหาแองเจลิน่าแล้วจะตามไปที่บ้านโพรงกระต่ายทีหลัง
“สวัสดีครับมาดาม ฟิลิปป้า วันนี้เป็นยังไงบ้าง??”
“โอ้ เฟร็ด หรือจอร์จนะ …เอาเถอะวันนี้ขายไม่ดีเลยขนมร้านฉันสู้ร้านพวกเธอไม่ได้เลยล่ะ” ก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ชายร่างสูง
ขณะที่เขาเดินเรื่อยเปื่อยทักทายร้านรวงต่างๆ เป็นกิจวัตอยู่ในตรอกไดแอกอน และกำลังจะเดินทางไปบ้านโพรงกระต่าย ก็ชะงักหวนนึกขึ้นได้ว่าลืมหยิบพลุทุกเทศการตามคำบอกของจินนี่ เขาจึงรีบวกกลับไปที่ร้านเกมส์กลวีสลี่ย์ทันที!
“โอ้ เมอร์ลินมันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย!!!” เขาทึ้งหัวตัวเองอย่างแรงด้วยความโกรธ และตกใจ
เมื่อพบว่ากระจกหน้าร้านของเขา และแฝดมีร่องรอยแรงอัดของระเบิดจนกระจายเกลื่อนพื้นถนน และวิ่งเข้าไปในร้านเพื่อสำรวจความเสียหายภายในทันที ….เขาพบร่างของจอร์จนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น เลือดสีแดงสดนองไปทั่วร่างอย่างน่าสยดสยอง
“ไม่ๆๆๆ จอร์จจี้ นายต้องไม่เป็นอะไรนะ ลืมตาสิ!!!!!” เขารีบถลาเข้าไปหาแฝดของตนทันที โดยไม่ทันสังเกตว่ามีบุคคลที่ 3-4 และ5 หรือมากกว่านั้นดักซุ่มโจมตีเขาอยู่โดยสิ้นเสียงคำสาปสุดท้าย
“สตูเปฟาย!!!”
ก่อนที่สติของเขาจะดับวูบไป…
ขณะที่เขากำลังอยู่ในห้วงความคิดก็ได้ยินเสียงฝีเท้า และเสียงคนพูดคุยกันตรงหน้าคุกที่เขาอยู่ ก่อนจะได้ยินเสียงเรียบๆ หากแต่ฟังดูเย็นชาน่าขนลุก
เฟร็ดไม่อาจจับใจความของคำพูดเหล่านั้นได้เนื่องจากร่างกายที่บอบช้ำจากการถูกคำสาป ไปหลายคาถาทำให้สภาพของเขาดูคล้ายซอมบี้เข้าไปทุกที และประตูก็เปิดออกพร้อมกับคนที่เขาจำได้ว่าเป็นผู้เสพความตาย 2 คนเข้ามาลากตัวเขาออกไปจากห้องขัง
เฟร็ดไม่อาจจับใจความของคำพูดเหล่านั้นได้เนื่องจากร่างกายที่บอบช้ำจากการถูกคำสาป ไปหลายคาถาทำให้สภาพของเขาดูคล้ายซอมบี้เข้าไปทุกที และประตูก็เปิดออกพร้อมกับคนที่เขาจำได้ว่าเป็นผู้เสพความตาย 2 คนเข้ามาลากตัวเขาออกไปจากห้องขัง
เฟร็ดขัดขืนสุดกำลังเท่าที่ตอนนี้พอจะมีเหลือ แต่ก็ถูกตอบโต้ด้วยคำสาปกรีดแทงกลับมาถึง 2 ครั้ง จนเฟร็ดคอพับทรุดตัวลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง ผู้เสพความตายทั้งสองยังคงหิ้วปีกเขาอยู่ก่อนที่หน้าคมคายนี้จะลงไปกระแทกกับพื้น โดยมีผู้เสพความตายอีก 1 ยืนค้ำหัวเขาอยู่อย่างวางอำนาจ “ลูเซียส มัลฟอย”
ใช่!! เขาจำได้แล้วว่าเสียงนุ่มลึกหากแต่ดูเย็นชานั้นเป็นของใครถึงแม้เข้าจะก้มหน้าแต่การแต่งตัวแบบนี้ และไม้เท้ารูปทรงพิลึกในสายตาของเฟร็ด และแฝดอีกคนเสมอ ….แต่บัดนี้มันกำลังมาอยู่ปลายคางของเขา หัวเขาถูกมันงัดขึ้นจนต้องเผชิญหน้ากับเจ้าของๆ มันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เฟร็ดส่งสายตาเดือดดาลและแข็งกร้าวอย่างไม่ยอมแพ้แม้ว่าจะรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกายขนาดไหน และแม้ตนจะตกอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบกว่าก็ตาม
ใช่!! เขาจำได้แล้วว่าเสียงนุ่มลึกหากแต่ดูเย็นชานั้นเป็นของใครถึงแม้เข้าจะก้มหน้าแต่การแต่งตัวแบบนี้ และไม้เท้ารูปทรงพิลึกในสายตาของเฟร็ด และแฝดอีกคนเสมอ ….แต่บัดนี้มันกำลังมาอยู่ปลายคางของเขา หัวเขาถูกมันงัดขึ้นจนต้องเผชิญหน้ากับเจ้าของๆ มันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เฟร็ดส่งสายตาเดือดดาลและแข็งกร้าวอย่างไม่ยอมแพ้แม้ว่าจะรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกายขนาดไหน และแม้ตนจะตกอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบกว่าก็ตาม
“วีสลี่ย์ หึ…พวกทรยศต่อเลือด เมื่อไม่มีไม้กายสิทธิ์สภาพแกมันก็ไม่ต่างกับไอ้ลูกหมา!!”
เฟร็ดพุ่งตัวเข้าใส่ ลูเซียสทันทีที่เขาพูดจบ จนทำให้เขาหลุดจากการจับกุมของผู้เสพความตายทั้งสอง เขาผลักลูเซียสเสียหลักล้มลงไปนอนกับพ้นอย่างหมดท่า ร่างกายที่หนุ่มแน่นกว่าทำให้เขาสามารถต่อยหน้า ลูเซียสได้ถึงสองครั้งก่อนที่เขาจะร้องออกมาด้วยความทรมานรู้สึกแสบร้อนอย่างรุณแรงบริเวณที่หลังหัวก่อนที่ภาพชายผมบลอนด์ตรงหน้าจะค่อยๆ มืดลงอีกครั้ง....
ทุกคนที่งานเลี้ยงจิตใจไม่อยู่กับตัวโดยเฉพาะนางมอลลี่ ที่ตอนนี้ได้ขอตัวไปเยี่ยมจอร์จที่เซนต์มังโกกับอาเธอร์
บิล และเฟลอร์ กลับไปที่กระทรวงอีกครั้งเพื่อหาเบาะแสของน้องชายอีกคนของเขา ที่บ้านตอนนี้เหลือเพียง จินนี่ แฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่ และรอนที่ทำท่าจะตามไปสมทบกับพ่อและแม่ของเขา
“เดี๋ยวฉันมา!!”
“เธอจะไปไหนไม่ได้ เธอต้องอยู่ที่นี่ เธอทั้งหมด!!” เฟลอร์ บอกว่าให้เขารออยู่ที่บ้านกับเพื่อนๆ บิลบอกว่าตอนนี้ข้างนอกปั่นป่วนไปหมด ไม่อยากให้น้องๆ ออกไปไหนมันอันตรายเกินไป และอาจจะเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกับ แฝดทั้งสอง แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดแต่บิลคิดว่าเป้าหมายของพวกมันคือบุคคลในภาคีทุกคนแน่นอน และทั้งหมดก็เป็นสมาชิกในภาคีนั่นจึงเป็นเรื่องที่เขากลัว
หลังจากที่บิล และเฟลอร์ ออกไปแล้ว จินนี่และเฮอร์ไมโอนี่นั่งกุมมือกันบนโซฟาหน้าเตาผิงโดยมีรอนกำลังเดินสังเกตการณ์รอบบ้านและแฮร์รี่ที่กำลังเสกคาถาป้องกันบริเวณรอบบ้าน
จินนี่มองหญิงสาวข้างกาย ที่นั่งก้มหน้าเงียบมาได้สักพักแล้ว เธอรู้ว่าเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเสียใจที่สองแฝดได้รับอันตราย ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันเกิดตัวเองแท้ๆ จินนี่ก็กังวลไม่แพ้กัน แต่ก็ไม่อาจเทียบเท่าความรู้สึกของผู้หญิงข้างๆ เธอที่เปรียบเสมือนพี่สาวของเธอได้ …เพราะสายของเฮอร์ไมโอนี่ที่แสดงออกมาไม่ใช่ความกลัวที่คนใดคนหนึ่งในภาคีอาจจะถูกลอบทำร้ายอีก แต่เป็นสายตาของคนสิ้นหวังระคนเสียใจเมื่อได้ยินเรื่องที่คนรักหายตัวไปอย่างงั้นเลยในความรู้สึกของจินนี่…
สายตาซุกซนเหลือบไปเห็นสร้อยล็อกเก็ตบนคอ เฮอร์ไมโอนี่ สาวผมแดงเอื้อมมือไปสัมผัสมันอย่างแผ่วเบา จนเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังจมอยู่กับความเศร้าสะดุ้งด้วยความตกใจ และตกใจมาขึ้นเมื่อเห็นสายตารู้ทันของจินนี่
“พี่เฟร็ดให้พี่มาสินะ…”
“เอ่อ ปะ….” เธอทำท่าจะปฏิเสธแต่จินนี่ก็พูดสวนขึ้นมาทันที
“พี่รู้สึกยังไงกับพี่เฟร็ดกันแน่??” เมื่อเห็นสายตามุ่งมั่นของสาวน้อยตรงหน้าเธอก็พูดไม่ออก ‘นั่นสิเรารู้สึกยังไงกับเฟร็ดกันแน่นะ’ เวลาได้ยินชื่อเขาก็รู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อถูกจ้องด้วยสายตาซุกซนขี้เล่นคู่นั้นกลับรู้สึกหวั่นไหวพิกล แต่มันก็เป็นความรู้สึกที่ดีทีเดียว …ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ??
เธอตั้งคำถามมากมายที่ไม่ได้คำตอบภายในใจ จนรอนและแฮร์รี่กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาภายในห้องนั่งเล่น ทำให้สองสาวหันไปสนใจพวกเขาทันทีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“สงสัยเฮอร์ไมโอนี่กับนายต้องนอนที่นี่แล้วล่ะ” รอนพูดขึ้นขณะกำลังหาของกินในครัวอย่างชมักเขม้น จินนี่บ่นจนเขาเดินออกมาจากครัวอย่างไม่พอใจ
“กินอะไรนักหนา พอได้แล้วรอน!!”
แต่ยังไม่วายถือทาร์ตไข่ติดมือมาสามชิ้นนั่นยังไม่นับรวมที่อยู่ในปากเขาอีกหนึ่ง ก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ เฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งจินนี่ก็รู้ดีว่าพี่ชายของตนชอบเฮอร์ไมโอนี่อยู่จึงลุกขึ้นจากตรงนั้น
แต่ยังไม่วายถือทาร์ตไข่ติดมือมาสามชิ้นนั่นยังไม่นับรวมที่อยู่ในปากเขาอีกหนึ่ง ก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ เฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งจินนี่ก็รู้ดีว่าพี่ชายของตนชอบเฮอร์ไมโอนี่อยู่จึงลุกขึ้นจากตรงนั้น
จินนี่กุมมือเฮอร์ไมโอนี่แน่นส่งสายตาเป็นนัยๆ ‘ฉันพร้อมเป็นที่ปรึกษาเธอเสมอ’ ก่อนจะเดินขึ้นห้องไป
แฮร์รี่มองตามจินนี่ไปจนลับสายตา รอนจึงกระแอมเสียงดังจนแฮร์รี่รู้สึกตัว พวกเขาเริ่มคุยถึงสาเหตุที่แฝดของเขาถูกทำร้ายและหายตัวไป
“ฉันคิดว่าโวลเดอมอร์ ต้องกำลังวางแผนอะไรซักอย่างแน่ เรื่องมันเชื่อมโยงกันจนฉันเริ่มกังวลแล้วนะเนี่ย” รอนพูดก่อนจะหยิบน้ำฟักทองขึ้นดื่ม
“แล้วเราจะทำยังไงกันต่อล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่คิดไม่ตก
“เราจะเริ่มออกตามหาฮอลครัก ชิ้นต่อไปและทำลายทิ้งทันทีเมื่อมีโอกาส และแน่นอน…มันจะเป็นการตัดกำลังเขา ก่อนที่เขาจะแข็งแกร่งไปกว่านี้!!”
สุดท้ายก็โยงเข้ามาเรื่องการกลับมาของจอมมาร ที่ใครๆ ต่างคิดว่าพวกเขาโกหก และต่างสันนิฐานกันว่าพวกเขาผู้ต่อต้านคงจะถูกผู้เสพความตายเก็บเรียบจนไม่เหลือ เหมือนกับเฟร็ดก็เป็นได้
เมื่อรอนพูดมาถึงตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่ก็ขอตัวทั้งสองก่อนจะเดินขึ้นห้องไปท่ามกลางความสงสัยของรอน
เมื่อรอนพูดมาถึงตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่ก็ขอตัวทั้งสองก่อนจะเดินขึ้นห้องไปท่ามกลางความสงสัยของรอน
“นายว่าเธอเป็นอะไร?” และแฮร์รี่ก็ส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าตนก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาจับไหล่เพื่อน และส่งสายตาเป็นเชิงบอกว่า ‘ตอนนี้ล่ะ รีบทำคะแนนก่อนที่นายจะพลาดโอกาส’ และเดินตามเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นข้างบนไป
รอนทำหน้าครุ่นคิดไม่ตกกับสายตาของแฮร์รี่ ก่อนจะตัดสินใจ
‘พรุ่งนี้แหละ ฉันจะบอกเธอให้ได้..เฮอร์ไมโอนี่’ และนั่งยิ้มให้กับตัวเองเพียงลำพังหน้าเตาผิงที่ค่อยๆ มอดลง อากาศที่เริ่มเย็นแผ่เข้ามาจนเขากอดตัวเองด้วยความหนาว และวิ่งขึ้นห้องตามเพื่อนๆ ไป
......................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น