สิ่งที่ขาด…หายไป
ร่างบางมองหน้าชายที่บอกว่าตนชื่อเดรโก ด้วยดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความตกใจ เธอบอกให้เขาเล่าเรื่องต่างๆ ก่อนที่เธอจะมานอนความจำเสื่อมที่โรงพยาบาลนั่งฟัง
เขาเล่าเรื่องของอดีตภรรยา แอสโทเรีย เพียงแต่เปลี่ยนเป็นชื่อของเฮอร์ไมโอนี่ ว่าเขาและเธอหลังเรียนจบก็ได้พบกันอีกครั้งในการพบปะด้านธุรกิจ ไม่นานทั้งคู่ก็ตกลงแต่งงานกัน และมีลูกชายด้วยกัน 1 คน
“ลูกชาย ฉันมีลูกด้วยหรอเนี่ย!!!” เฮอร์ไมโอนี่ตกใจและพยายามจะลุกขึ้นนั่งแต่บาดแผลเริ่มปริ เธอจึงทรุดตัวลงนอนกับเตียงและโอดครวญเสียงลั่น สร้างความตกตะลึงให้เด็กชายตัวน้อยที่กำลังนั่งแกว่งขาไปมาบนโซฟา
ต้องวิ่งมาเกาะขาผู้เป็นพ่อไว้ พลางมองขึ้นมาบนเตียงผู้ป่วยด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง และคุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน ….เพราะเธอเป็นคุณนักบำบัดที่เขาเจอเมื่อหลายวันก่อนนั่นเอง!!
“เอ้า …ทักทายคุณแม่หน่อยสิสกอร์เปียส!” เฮอร์ไมโอนี่ชะโงกหน้าลงมามองที่เด็กชายผมบลอนด์ตัวน้อยที่กำลังเงยหน้ามองเธอตาเขม็ง
สกอร์เปียสหันมามองหน้าของผู้เป็นพ่อ เมื่อเห็นสายตาดุดันที่มองมายังเขา เด็กชายตัวน้อยก็สะดุ้ง ก่อนจะหันไปหาร่างบางบนเตียงที่กำลังมองมาที่เขาอย่างเอ็นดู
“คุณ คุณแม่เป็นไงบ้างครับ…” เฮอร์ไมโอนี่พินิจใบหน้าอ่อนวัยของเด็กชายอย่างรักใคร่ก่อนจะตอบกลับไปด้วยเสียงอันแผ่วเบาหากแต่ฟังแล้วรู้สึกถึงความอ่อนโยนจากตัวหญิงสาว
“ยังเจ็บอยู่นิดหน่อยจ่ะ เอ่อ….?”
“สกอร์เปียส ครับ!” เฮอร์ไมโอนี่เอื้อมมือลงมาสัมผัสแก้มนุ่มของเด็กชายอย่างทะนุถนอม ความรู้สึกอบอุ่นแล่นเข้ามาภายในใจของเด็กน้อย ความรู้สึกที่เขาโหยหา ความรู้สึกที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนเลยตั้งแต่เกิดมา…
เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อด้วยแววตาใสซื่อเว้าวอนอย่างที่เขาไม่เคยทำให้ผู้เป็นพ่อเห็นเลยซักครั้งถึงความอ่อนแอ หรืออ่อนไหวแบบนี้ เดรโกมองหน้าลูกชายอย่างเข้าใจความหมาย เขาเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาข้อมือมันเย็นมากแล้ว ในเมื่อแผนการที่วางไว้ก็สำเร็จไปได้ด้วยดี เขาควรจะกลับเสียที
เดรโกบอกลาเฮอร์ไมโอนี่ และรีบพาสกอร์เปียส ออกมาจากห้องพักผู้ป่วย ร่างเล็กเอื้อมมือมาจับมือเขา และกระตุกอย่างแรงจนเดรโกต้องก้มลงมองลูกชายด้วยความหงุดหงิด
“อะไรอีกสกอร์เปียส!!”
“เธอความจำเสื่อม…”
“…”
“แล้วพ่อจะโกหกว่าเธอเป็นแม่ของผมทำไม…ในเมื่อเธอก็จำไม่ได้แล้วว่าวันนั้น คนที่ขับรถชนเธอ…ก็คือพ่อ…?”
เดรโกนิ่งเงียบ และไม่พูดอะไรอีกเลยตลอดทาง แต่ภายในสมองของเขามีแต่คำถามของลูกชาย และเหตุผลมากมายที่ยืนยันถึงสิ่งที่เขากระทำลงไป ใบหน้าที่เขาไม่อาจละสายตาเมื่อได้มอง ความปากเก่งที่ไม่เคยถดถอยลงทุกครั้งที่เจอ ความงดงามที่เขาใฝ่หามาตลอด เขาสิ้นหวังที่จะบอกรักเธอตั้งแต่เขาได้เข้าร่วมเป็นผู้เสพความตาย เพราะเธอเป็นคนของภาคีที่เกลียดพวกเขาเข้าไส้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป …เขาสูญเสียแม่ของ สกอร์เปียส และเธอก็สูญเสียความจำที่มีต่อเขาในด้านเลวร้ายไปสิ้น
และมันจะผิดตรงไหนที่เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เธอมา …และโอกาสก็อยู่ในมือเขาแล้ว!!
เฮอร์ไมโอนี่นั่งเหม่อลอย เธอพยายามนึกถึงเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับตัวเองให้ออก แต่ทุกสิ่งก็ขาวโพลนไปหมด และยิ่งแล้วใหญ่เมื่อชายที่อ้างตนว่าเป็นสามีของเธอ แถมยังมีลูกชายด้วยกันอีก… เรื่องสำคัญขนาดนี้ทำไมเธอถึงได้ลืมมันได้กันนะ?
เฮอร์ไมโอนี่ทานอาหาร และยาตามที่พยาบาลนำมาให้ก่อนจะหลับไปเพราะฤทธิ์ของยามันกดประสาทของเธอ
เฟร็ดมาถึงห้องพยาบาล ก็ตรงเข้ามาดูอาการของคนรักทันที เขานั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงก่อนจะกุมมือเธอไว้ และใช้อีกมือสัมผัสที่แก้มเธออย่างแผ่วเบา สีหน้าเธอดีขึ้นกว่าตอนแรกมาก
“หายไวๆ นะเฮอร์ไมโอนี่..” เสียงของเฟร็ดเบาหวิวราวกลับเสียงสวดมนต์ เขาเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลียจากการเฝ้าดูอาการของเฮอร์ไมโอนี่ไม่ต่ำกว่า 3 วัน
เฟร็ดตื่นขึ้นมาอีกทีพบว่าพยาบาลเข้ามาในห้อง พร้อมกับอาหารเช้าและยาอีกจำนวนหนึ่ง เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปนั่งที่โซฟา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพยาบาล
“คุณคะ ได้เวลาทานอาหาร ทานยาแล้วนะคะ”
เพียงไม่นานเฮอร์ไมโอนี่ก็ลืมตาตื่นช้าๆ เธอกระพริบตาเพื่อไล่ความง่วงงุน และยันตัวขึ้นจากเตียงอย่างยากลำบาก
เฟร็ดรีบวิ่งเข้ามาประคองเธอ พลางจัดแจงให้เธอนั่งได้สะดวกขึ้น ร่างบางหันมามองหน้าเขาอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะส่งยิ้มละไมไปให้เขา
เฟร็ดนั่งลงบนเตียงข้างๆ เธอ และเอื้อมมือขึ้นสัมผัสที่แก้มอย่างแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าเธอจะแตกสลายไปต่อหน้าต่อตาเขา
“เป็นยังไงบ้างหือ …ดีขึ้นรึยังที่รัก?” ร่างบางมองหน้าเขานิ่งด้วยความสงสัย
“ก็ ก็ดีขึ้นแล้วค่ะ…”
เฟร็ดยิ้มอย่างโล่งใจ เขาหยิบถ้วยซุปขึ้นมาถือไว้ ตักขึ้นมาพอดีคำ และเป่าเบาๆ ก่อนจะป้อนเธอ
เฮอร์ไมโอนี่มองพฤติกรรมของชายตรงหน้าด้วยความตกใจหนักเข้าไปอีก เมื่อจู่ๆ ก็มีผู้ชายคนนี้ก็มาอยู่ในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เขาเรียกเธอว่าที่รัก แถมยังพูดจาอย่างสนิทสนมกับเธอเสียด้วย และยังจะป้อนซุปเธออีกมันยังไงกันแน่!!
เฮอร์ไมโอนี่ยกมือเรียวขึ้นมาแตะที่มือของชายตรงหน้าอย่างแผ่วเบา เฟร็ดชะงัดมือที่ถือช้อน
“เอ่อ…”
“มีอะไรหรอเฮอร์ไมโอนี่?” เขาเอ่ยถาม และมองหน้าของคนรักด้วยความสงสัย
“ขอโทษนะ แต่ …คุณเป็นใครหรอ?”
.......................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น