EP.24
ไฟป่า
ชายเขาทางตอนเหนือ ที่มีต้นไม้อยู่ประปราย ส่วนมากจะเป็นที่โล่งนี่เป็นสถานที่ ที่เฮอร์ไมโอนี่และครอบครัวเคยมาพักร้อนด้วยกัน ทั้งสองออกเดินสำรวจความปลอดภัยไปรอบๆ บริเวณนั้นทันที
เฮอร์ไมโอนี่หยิบเต็นท์จากในกระเป๋าลูกปัดออกมากาง ก่อนะเข้าไปภายในเพื่อทำธุระส่วนตัว เฟร็ดเข้ามาหลังจากสำรวจโดยทั่วและเสกคาถาคุ้มกันไว้แล้ว เขาเปิดผ้าทั้ง 3 ห่อ ออก และวางให้ห่างกันพอที่จะไม่เกิดปฏิกิริยาไม่คาดฝันขึ้น ร่างสูงเดินไปหาคนรักที่ใบหน้าและทรงผมกลับมาเป็นเหมือนเดิม กำลังนั่งเช็ดผมอยู่บนโซฟาหน้าเตาผิง ก่อนจะนั่งลงข้างๆ เธอ
“กำลังคิดอะไรอยู่หรอ?” เขาถามขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าที่เหม่อลอยของเธอ
“เฟร็ดดี้ …ฉันกำลังคิดว่า เราจะกลับไปโลกของเราได้ยังไง…”
“หนังสือเล่มนั้นยังอยู่รึเปล่า?” ร่างบางค้นกระเป๋าลูกปัดทันทีก่อนจะหยิบหนังสือปกสีน้ำเงินส่งให้เขา
“ฉันเก็บมันไว้อย่างดี …เผื่อว่าจะได้ใช้น่ะ!” เฟร็ดอยากจะเปิดขึ้นอ่านแต่สัญชาตญาณบางอย่างบอกเขาว่าไปควรทำอย่างนั้นเด็ดขาด…!!
“ฉันอยากกลับบ้านจังเฟร็ด …พ่อกับแม่ พวกท่านคงจำฉันไม่ได้แล้ว แต่ฉันก็อยากกลับไปหาท่าน…” เฟร็ดกดหัวเธอลงกับอกกว้างของเขา และโอบร่างบางไว้อย่างแผ่วเบา เขารับรู้ถึงความหว่าเว้ภายในจิตใจของเธอ ที่ต้องจากบ้าน และยังต้องมาแยกจากเพื่อนรักอีก เป็นใครก็ต้องรู้สึกแย่เป็นธรรมดา
เขาก็เป็น แต่เขาเป็นคนเพียงคนเดียวที่เธอรู้จักและเป็นที่ให้เธอได้พักพิง เขาจะต้องเข้มแข็ง!!
“ง่วงรึยังที่รัก วันนี้มีแต่เรื่องยุ่งๆ เธอควรต้องพักผ่อนได้แล้วนะ” เฮอร์ไมโอนี่มองตาเฟร็ดอย่างอุ่นใจ ที่อย่างน้อยๆ คนที่เธอรักก็อยู่คอยดูแลเธอแบบนี้ทั้งคน ไม่มีอะไรต้องกังวลทั้งนั้น
ร่างบางลุกขึ้นคุกเข่าคร่อมตักเฟร็ด ก่อนจะเอื้อมมือมาโอบคอของร่างสูงอย่างแผ่วเบาก้มหน้าลงไปจนจมูกของทั้งคู่สัมผัสกัน ชวนให้ร่างสูงจั๊กจี้ยิ่งนัก ร่างบางส่งยิ้มละไมให้เขา
“ขอบคุณนะเฟร็ด ที่ดูแลฉันมาตลอดเลย..”
“เพื่อตอบแทนความรู้สึกดีๆ ที่เธอมีให้คนอย่างฉัน…” ริมฝีปากของทั้งสองก็สัมผัสแบ่งปันความอบอุ่นให้กันและกันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสัมผัสที่รุกเร้ามากขึ้น เมื่อริมฝีปากของเขาขยับลูบไล้กลีบปากของเธอ
ร่างบางหลับตาลง อย่างเคลิบเคลิ้มไปกับจูบนั้น แล้วปล่อยให้ร่างสูงที่เชียวชาญกว่าเป็นฝ่ายนำ ส่วนเธอก็คอยรับสัมผัสเขาอย่างเด็กน้อยไร้ประสบการณ์…
เฟร็ดดึงร่างบางเข้ามาแนบชิดกับร่างเขามากขึ้น จนร่างทั้งสองเบียดชิดกัน ทั้งคู่ต่างรับรู้ถึงแรงเต้นของหัวใจของกันและกัน ร่างสูงไล้ริมฝีปากลงมาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่ลำคอขาวผ่องก่อนจะซุกไซร้อย่างลุ่มหลงไปกับกลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเธอ และจุมพิตไปทั่วทั้งลำคอของเธอด้วยแรงปารถนา เฮอร์ไมโอนี่หายใจหนักหน่วง และดึงผมสีแดงของเฟร็ดไว้เป็นที่ยึดด้วยความเสียวซ่าน ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อ ชายร่างสูงใช้จมูกโด่งๆ ของเขา ค่อยๆ แหวกสาบเสื้อคลุมอาบน้ำลงมา และใช้เมื่อปลดเชือกรัดเอวออกอย่างแผ่วเบาเผยให้เห็นรูปร่างของสาววัยแรกแย้ม ที่ผุดผาดยั่วยวนสายตาให้เขาอยากจะเข้าไปสัมผัสเหลือเกิน…
ร่างบางมองตามสายตาของเขามาที่ร่างของตนด้วยใบหน้าที่แดงก่ำอย่างเขินอายก่อนจะเอื้อมมือไปปิดตาเขาอย่างทำอะไรไม่ถูก เฟร็ดไม่ปลดมือของเธอออกหากแต่เอื้อมมือ ไปยังแผ่นหลังของร่างบางก่อนจะลูบไล้อย่างแผ่วเบา และอาศัยจังหวะนี้ปลดตะขอบราซึ่งเป็นปราการด่านที่สอง ออกจนร่างบางเผลอปล่อยมือที่ปิดตาเขาออก และมาปิดหน้าอกด้วยความอายแทน
เฟร็ดมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาหลงใหล เธอช่างงดงามไม่มีที่ติจริงๆ เพียงแค่เห็นเนินอกของเธอใจเขาก็เต้นแรงจนแทบคลั่ง ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่มีผลกับจิตใจเขาได้เท่าเธอมาก่อน เขาต้องการเธอ …แต่อีกใจก็อยากดูแลเธอไปจนกว่าเธอจะพร้อมจริงๆ ไม่ใช่เพราะความเหงาแบบนี้…
เฮอร์ไมโอนี่เห็นเฟร็ดนิ่งเงียบ มองหน้าเธอไม่พูดไม่จา และไม่แตะต้องเธออีก เธอกลัวเหลือเกิน …กลัวว่าเขาจะไม่พอใจที่เธอไม่ยอมลงให้เขาง่ายๆ เธอถอนหายใจเบาๆ และนั่งคร่อมลงบนตักหันไปเผชิญหน้ากับเขา
“เฟร็ด …เป็นอะไรไปหรอ?”
“…หืม?”
“โกรธอะไรฉันรึเปล่า?” เฟร็ด งงกับคำถามของเธอ แต่ก็พอจะเข้าใจได้หลังจากบนรักเริ่มต้นไม่เท่าไหร่เขาก็เป็นฝ่ายหยุดมันลงดื้อซะงั้น เป็นใครก็สงสัยเป็นธรรมดา
“โกรธอะไรฉันรึเปล่า?” เฟร็ด งงกับคำถามของเธอ แต่ก็พอจะเข้าใจได้หลังจากบนรักเริ่มต้นไม่เท่าไหร่เขาก็เป็นฝ่ายหยุดมันลงดื้อซะงั้น เป็นใครก็สงสัยเป็นธรรมดา
“เฮอร์ไมโอนี่…”
“ว่า?”
“เธอ พร้อมสำหรับเรื่องของเราขนาดไหนหรอ?”
“ทำไมถามงั้น?...” เฮอร์ไมโอนี่เริ่มชักสีหน้าไม่พอใจเมื่อได้ยินคำถามของเขา
“ฉันอยากกอดเธอ อยากให้เธออยู่กับฉันในคืนนี้ …ถ้าเธอพร้อมจริงๆ แต่ต้องไม่ใช่เพราะว่าเธอทำไปเพราะรู้สึกหว่าเว้ …ฉันไม่อยากให้เธอเสียใจภายหลัง”
สิ้นเสียง ร่างบางก็โผเข้าสู่อ้อมกอดที่อบอุ่นของชายตรงหน้าทันที ก่อนจะเอื้อมมือมาประคองใบหน้าของเฟร็ด และบรรจงจูบที่หน้าผากเขาอย่างแผ่วเบา
สิ้นเสียง ร่างบางก็โผเข้าสู่อ้อมกอดที่อบอุ่นของชายตรงหน้าทันที ก่อนจะเอื้อมมือมาประคองใบหน้าของเฟร็ด และบรรจงจูบที่หน้าผากเขาอย่างแผ่วเบา
“ฉันจะไม่เสียใจภายหลังแน่
ถ้าฉันตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้แล้วพบว่ามีเธอกอดฉันอยู่…ไม่ใช่เพียงฝันไป!” ร่างสูงถอดเสื้อคลุมของร่างบางตรงหน้าออกอย่างรวดเร็วและตามด้วยบราตัวน้อยที่ตอน
นี้ลอยไปตกอยู่ที่หน้าเตาผิง
ทั้งคู่จูบกันอย่างดูดดื่ม
อย่างที่ทั้งคู่ไม่เคยลองมาก่อนเฟร็ดกดร่างบางลงบนโซฟานุ่มก่อนจะทาบทับตัวลงบนตัวเธอ จนร่างบางรู้สึกถึงน้ำหนักตัวของเขาแต่ก็
ช่างอบอุ่นเหลือเกินในความรู้สึกของเธอ
เฟร็ดปลดกระดุมเสื้อ และตามด้วยกางเกงออกอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะโยนมันลงพื้นอย่างไม่ใยดี โดยที่ทั้งคู่ยังคงจูบกันอย่างดูดดื่ม
เสียงหายใจและเสียงครางอย่างอึดอัดเล็กๆ
ของหญิงสาวภายใต้ร่างของเขา
เป็นตัวกระตุ้นอารมณ์อย่างดี
เขาก้มลงไปหาหญิงสาวอีกครั้ง ลิ้นสากลากไปมาอยู่บริเวณเนินอกของเธอ
และมือทั้งสองข้างก็ลูบไล้ต้นขาเรื่อยมาจนถึงสะโพกกลมของเธอ ร่างบางผวาเข้ากอดเขาด้วยความเสียวซ่าน ก่อนที่เขาจะลากลิ้นลงมาที่หน้าท้องและต่ำลงไปเรื่อยๆ
เรื่อยๆ ลิ้นหนาวนรอบสะดือของเด็กสาวไปมา
“อือ เฟร็ด…” ปราการด่านสุดท้ายของเธอถูกถอดออก
เฟร็ดมองเรือนร่างของหญิงสาวตรงหน้าเขาด้วยแรงปรารถนา
ร่างสูงแยกขาของร่างบางออกจากกันช้าๆ
เธอตัวสั่นด้วยความกลัว
เฟร็ดเลื่อนตัวขึ้นมาจูบเธออีกครั้งอย่างปลอบประโลม
“อย่ากลัวนะคนดี ฉันอยู่ตรงนี้…เราจะผ่านไปด้วยกัน” ร่างเสียงกระซิบที่ใบหูของเธอด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า… มือหนาลูบลงมาจนถึงหว่างขาของเธอ
นิ้วเรียวค่อยๆ
ลูบไล้ไปตามรอยแยกที่งดงามราวกับกลีบกุหลาบที่หอมหวาน
จนตอนนี้ที่รอยแยกของกลีบกุหลาบเริ่มมีน้ำเอ่อล้นออกมา นิ้วเรียวยาวของเฟร็ดค่อยๆ
สอดเข้าไปในจุดบอบบางราวกลับหยอกล้อ จนหญิงสาวถึงกับครางออกมาด้วยความพอใจ กับความรู้สึกที่เธอไม่เคยได้รู้จักมาก่อน
เฟร็ดค่อยๆ ขยับนิ้วเข้าออก
เร็วบ้างช้าบ้างสลับกัน แก่นกายของชายหนุ่มตั้งชันจนถึงขีดสุดแล้ว
เขาขยับนิ้วถี่และเร็วขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเขารู้สึกได้ว่าเด็กสาวตรงหน้าใกล้จะถึงจุดนั้นแล้ว
เฟร็ดถอนนิ้วออกก่อนที่หญิงสาวจะถึงฝั่งฝัน
ร่างสูงกระซิบที่ริมฝีปากเธออย่างแผ่วเบา
“พร้อมมั้ย หายกลัวรึยัง?” ร่างบางไม่ตอบแต่พยักหน้าเบาๆ เฟร็ดจูบซับเหงื่อบนหน้าผากของเธอ
“อาจจะเจ็บนิดหน่อย…” มือหนาแยกขาของร่างบางออกจากกันก่อนจะค่อยๆ
สอดแกนกลางของเขาเข้าไป
ร่างบางผวากอดเขาแน่นด้วยความกลัว
จึงทำให้ของเขาเข้าไปในกายเธออย่างรวดเร็ว
จนร่างบางแทบหลุดกรี๊ดออกมา
เธอซุกหน้าลงกับไหล่ของคนรัก
และปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด..
“อย่าเกร็งนะคนดี ฉันอยู่ตรงนี้… กอดฉันไว้นะ” เฮอร์ไมโอนี่หลับหูหลับตาพยักหน้าอย่างเร็ว
ร่างสูงสอดมือไปใต้หลังร่างบางเพื่อยกสะโพกเธอขึ้น เรียวปากหนาก้มลงไปจูบริมฝีปากบางของหญิงสาว
ร่างเล็กเคลื่อนไหวไปตามแรงขยับช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไปอย่างอดทน
ทำให้ร่างบางเริ่มคุ้นชินกับสัมผัสของเขาความเจ็บปวดเริ่มจางหายไป และความรู้สึกบางอย่างเข้ามาแทนที่…
จากสัมผัสที่นุ่มนวล
เริ่มแทนที่ด้วยสัมผัสร้อนแรงของบทรักของทั้งคู่แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ
การเคลื่อนไหวที่สม่ำเสมอเสียงครางสลับกับเสียงลมหายใจดังสลับกันไปทั่ว มือหนาของเฟร็ดจับสะโพกของร่างบางไว้ และเริ่มส่งแกนกายให้เร็วขึ้น และหนักหน่วงขึ้น
เฮอร์ไมโอนี่ร้องครางออกมาสุดเสียงอย่างลืมตัวไปกับบทรักที่ชายตรงหน้าปรนเปรอให้
ซึ่งไม่ต่างอะไรกับชายหนุ่มที่ร้องเสียงครางกระเส่าออกมาพอๆกัน
เมื่อช่องรักของหญิงสาวกลับบีบรัดแก่นกายของเขาแน่นจนแทบจะทนไม่ไหว และเมื่อมาถึงจุดสูงสุดทุกอย่างก็ราวกลับถูกปลดปล่อย
เขาถอนแกนกายออกมาอย่างช้า
ร่างบางกระตุกด้วยความเสียวซ่าน....
.
.
.
.
เฟร็ดทิ้งตัวลงบนโซฟา ก่อนจะเอื้อมมือมาประคองร่างบางให้ขึ้นมานอนบนร่างเขา หลังจากบทรักสิ้นสุดลงเฮอร์ไมโอนี่ก็ผล็อยหลับไปทันที อย่างอ่อนแรง เขานอนมองร่างบางที่หลับใหล ใบหน้าซุกลงกับอกเขาด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก เธองดงาม บอบบาง และที่สำคัญเขาจะเป็นของเธอเพียงคนเดียว ตั้งแต่วันนี้และ …ตลอดไป
“แค่กๆๆๆ แค่กๆๆๆๆ” เฮอร์ไมโอนี่ตื่นขึ้นมาเพราะถูกปลุกด้วย กลิ่นของควันไฟ ร่างบางยันตัวขึ้นนั่งและพบว่าเธออยู่บนโซฟาหน้าเตาผิง ในร่างเปลือยเปล่า และเฟร็ดก็เช่นกันก่อนจะนึกย้อนไปถึงเรื่องราวระหว่าเธอกับเขาเมื่อคืน ร่างบางรีบสวมเสื้อผ้าอย่างรีบร้อนและเดินไปที่หน้าต่างเต็นท์ทันที แม้จะเจ็บร้าวที่ท้องอยู่บ้างแต่ ภาพไฟป่าตรงหน้ามันทำให้เธอลืมอาการเจ็บไปชั่วขณะ!!!
“เฟร็ด! ตื่นเร็ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!!!” เฟร็ดงัวเงียตื่นขึ้นมาพบว่าภายในห้องมีควันสีเทาลอยฟุ้งอยู่จางๆ จนเขาต้องปิดจมูก
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ไฟป่า รีบแต่งตัวเร็วเข้า พวกเราต้องรีบไปแล้ว!!” เฟร็ดรีบจัดการตัวเองอย่างรวดเร็ว เขาเก็บของเท่าที่จำเป็นและพาร่างบางออกมา แต่ไฟไหม้ลามมาถึงทางเข้าเต็นท์ ร่างบางทรุดลงกับพื้นด้วยความปวดระบบที่ท้องน้อย และกลิ่นควันไฟที่ชวนคลื่นเหียน
“เฮอร์ไมโอนี่ อย่าเป็นอะไรนะ!!”
เฟร็ดช้อนร่างของเฮอร์ไมโอนี่แนบอก ร่างบางหยิบหนังสือปกสีน้ำเงินขึ้นมาด้วยสติอันเลือนราง ก่อนจะเปิดมันออกไปที่หน้าแรก
พลันเกิดลมพายุขึ้นในเต็นท์ ข้าวของปลิวว่อนกระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทาง มวลอากาศขนาดใหญ่พัดหน้าหนังสือเปิดไปหน้า ‘ว่าด้วยเครื่องรางยมทูต’ และทั้งสองก็ถูกดูดหายเข้าไปในแสงสีทองที่สันปกด้านในหนังสือทันที!! ทิ้งไว้เพียงเต็นท์ที่ค่อยๆ ถูกไฟป่าเผาไหม้….
.....................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น