EP.30
เส้นทางของชีวิต
งานเฉลิมฉลองอิสรภาพ และพิธีไว้อาลัยเหล่าผู้เสียชีวิตจะถูกจัดขึ้นในอีก 2 วันข้างหน้า ช่วงนี้ คิงสลี่ย์จึงยุ่งๆ เป็นพิเศษ เพราะเขาพึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนต์ ท่ามกลางความภาคภูมิใจของเหล่าภาคี
หลังเรียนจบ ‘แฮร์รี่’ สอบเข้าทำงานเป็นมือปราบมารฯ ด้วยคะแนนทางด้านทักษะที่เกินความคาดหมาย… ‘จินนี่’ เลิกเป็นนักกีฬาควิดดิชหลังจากแต่งงานกับ แฮร์รี่ และถูกทาบทามให้เป็นบรรณาธิการควิชดิชรายสัปดาห์
‘เนวิล’ ไปศึกษาต่อด้านวิชาสมุนไพรศาสตร์ และจะกลับมาดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์สอนวิชาสมุนไพรศาสตร์ที่ฮอกวอตส์ ‘ลูน่า’ ยังคงมีบุคลิกฝันเฟื่องดังเดิม เธอไปเป็นนักดูแลและวิจัยสัตว์วิเศษ เธอได้ทำงานที่เธอรัก ลูน่าบอกกับเนวิลว่าไม่อยากแต่งงาน และอยากอยู่แบบนอกสมรสกับเขา แม้เขาจะไม่ค่อยเห็นด้วยแต่ก็ไม่อาจขัดใจเธอได้เช่นกัน
รอนก็เช่นเดียวกัน แต่เขาเลือกเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวนผู้กระทำความผิด ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่เก่งเรื่องคาถาเท่าแฮร์รี่ แต่เขาก็พอใจที่จะรับตำแหน่งนี้ หลังจากที่เขาผิดหวังจากเฮอร์ไมโอนี่ เขาก็เอาแต่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อหวังซักวันเขาอาจจะลืมเธอได้บ้างแม้เพียงสักนิดในยามที่เขาหลับตาก็ยังดี…
‘เฟร็ด’ และ ‘จอร์จ’ แฝดมหาภัย!! ยังคงดูแลกิจการร้านเกมกลวีสลี่ย์ ของพวกเขาต่อไปและยังไม่หยุดยั้งผลงานประดิษฐ์ใหม่ๆ ขึ้นมาขายเรียกยอดขายให้พุ่งทะลุชาร์จ จนตอนนี้กิจการของเขารุ่งเรืองมากมีนายทุนมากมายมาขอร่วมหุ้นกับเขา และดึงเขาให้ร่วมทำธุรกิจมากมาย แต่พวกเขาไม่คิดจะขยายกิจการหรืออะไรทั้งนั้น เพราะเขาเชื่อว่าร้านขายของเล่นในอุดมคติเขา จะต้องเล็กๆ น่าอึดอัด แต่อัดแน่นไปด้วยของเล่นละลานตามากมาย และที่สำคัญต้องมีบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นครอบครัวแบบนี้…
‘เฮอร์ไมโอนนี่’ หลังจากเรียนจบเธอไปสอบเป็นมือปราบแต่เฟร็ดดึงดันว่าไม่อยากให้เธอไปทำเรื่องอันตรายแบบนั้นแน่นอน เธอจึงไปเป็นนักบำบัดทางด้านจิตใจ ให้กับผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากการสูญเสียในสงครามของโวลเดอมอร์ เธอยอมเป็นนักบำบัดเพราะเฟร็ดให้เหตุผลว่า…
‘ความฉลาดและงดงามของเธอไม่ควรเอาไปทิ้งในสนามรบ …ควรเอามันมาใช้รักษาผู้คนที่ต้องการให้เธอช่วยดีกว่า’
เธอเห็นว่าที่เฟร็ดพูดมีเหตุผลมากๆ และเธอยังนำของเล่นใหม่ๆ ที่แฝดประดิษฐ์ และผ่านการตรวจสอบจากเธอแล้วว่าปลอดภัยมาทดลองใช้กับเด็กๆ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของเซนต์มังโกอีกด้วย…
ทุกสุดสัปดาห์พวกเขาจะมีนัดทานอาหารค่ำที่บ้านโพรงกระต่าย แม้งานจะยุ่งหรือมีนัดที่ไหนพวกเขาก็จะยกเลิก และมาใช้เวลาร่วมกันเสมอ
งานเลี้ยงผ่านไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางเสียงพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบ และเสียงหัวเราะ บรรยากาศแห่งความสุขอบอวลไปทั่วทั้งบ้าน เว้นเสียแต่รอน…ที่นั่งนิ่งและกินน้อยลงมาก มาตั้งแต่สิ้นสุดสงครามของจอมมาร
“นี่นะ เมื่อวันก่อนฉันไปจับนักต้อนที่เชิงเขาของป่า พวกมันเห็นหน้าฉันแล้วหัวมันตั้งอย่างกับเห็นผี ฮ่าๆๆๆๆ”
“มันคงกลัวนายมากเลย ก็นายเป็นคนปราบโวลเดอมอร์นี่น่า ฮ่าๆๆๆ”
เสียงการสนทนาถูกขัดขึ้นเมื่อมอลลี่เดินเข้ามาเก็บจานอาหารบนโต๊ะ
“หลบหน่อยๆ แม่จะเก็บจานแล้วนะ”
“เดี๋ยวผมช่วยครับ!!” รอนปลีกตัวออกจากวงสนทนาโดยเขามักจะใช้คนในครอบครัวเป็นโล่เพื่อกันเขาออกจากสถานการที่น่าอึดอัดเมื่อต้องอยู่ร่วมโต๊ะอาหาร หรือนั่งใกล้ๆ กับเฟร็ด และเฮอร์ไมโอนี่
ตอนนี้มอลลี่ก็คือโล่ป้องกันบาดแผลทางใจของเขาได้เป็นอย่างดี
ตอนนี้มอลลี่ก็คือโล่ป้องกันบาดแผลทางใจของเขาได้เป็นอย่างดี
“ร้อยวันพันปีไม่คิดจะช่วย …เอาเถอะรอน ลูกเอาจานพวกนี้ไปวางใว้ในครัวให้แม่หน่อยละกันนะ” รอนรับจานในมือมอลลี่ เขาพยักหน้ารีบจ้ำเท้าไปในครัวอย่างเร็ว เฟร็ดใช้จังหวะนี้ลากคอรอนขึ้นไปชั้นบนท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน
โครม!!!!
ร่างของรอนถูกเหวี่ยงลงพื้นอย่างแรงด้วยฝีมือของพี่ชายที่เขาไม่คิดจะกลัวเลย แต่บัดนี้เฟร็ดดูราวกลับปีศาจที่น่ากลัวเหลือเกินในสายตาของรอน
“นายเป็นบ้าอะไรรอน!!”
“อะไร? ฉันก็เป็นของฉันปกติ…”
“ปกติบ้าน่ะสิ! นายไม่คุยกับเฮอร์ไมโอนี่เป็นปีๆ นายรู้มั้ยรอนว่าเธอเสียใจขนาดไหน!!” เฟร็ดเข้ามากระชากคอเสื้อรอนให้ลุกขึ้นมานั่ง แต่รอนสะบัดตัวออกอย่างแรงจนเฟร็ดต้องผละออกมา
“เสียใจงั้นหรอ!! ฉันต่างหากที่ต้องเสียใจ …ฉันถูกพี่ชายตัวเองหักหลัง และคนที่ฉันรักก็ไม่เคยแลฉันเลยซักนิด!!”
“…!!”
“ปล่อยฉันไปเถอะเฟร็ด ….ฉันอยากอยู่คนเดียว” รอนหงายหลังลงนอนกับพื้นอีกครั้ง เฟร็ดมองเขาด้วยแววตาเจ็บปวดเดินหันหลังไปที่ประตูห้อง ก่อนจะหันกลับมามองน้องชายตัวเองอีกครั้ง และอัดหมัดหนักๆ ลงที่แก้มซ้ายของเขาทันที
รอนครางด้วยความเจ็บปวด เขากุมแก้มซ้ายและมองเฟร็ดด้วยแววตาสับสน
“นายเป็นน้องฉัน ฉันจะไม่ยอมให้เรื่องมันจบแบบนี้แน่!! เอ้า ลุกขึ้นมา …ฉันรู้นายอยากเอาคืน ฮ่าๆๆๆๆ มาเลยไอ้น้อง!!” เฟร็ดทำท่าเหมือนนักมวยเขากำหมัดและโยกตัวไปมา เพื่อยั่วโมโหรอน
รอนลุกขึ้นจากพื้นด้วยแววตาเคียดแค้น และพุ่งหมัดลุ่นๆ ใส่หน้าเฟร็ดเขาไม่หลบหมัดที่รอนส่งมามันกระแทกกรามเขาจนเกิดเสียงดังลั่น รอนตกใจมากเขาลนลานที่เฟร็ดไม่หลบหมัดเขาทั้งๆ ที่เฟร็ดสามารถทำได้สบายๆ
เฟร็ดเงยหน้าขึ้นช้า สบตากับรอนที่ยืนทำหน้าเหมือนโลกจะแตก ก่อนจะยิ้มบางๆ ให้รอน เขามองหน้าพี่ชายด้วยใบหน้างง งวย เฟร็ดเข้ามาตบบ่าเขา และเดินไปที่หน้าต่างห้องก่อนจะชะโงกหน้าออกไปเพื่อรับลม รอนก็ทำแบบเดียวกลับเขา และยังมองมาที่เฟร็ดอย่างสงสัยเหมือนเดิม
“อะไร??”
“นายทำเพื่ออะไร??”
“นี่รอน ฉันกับเฮอร์เรารักกันมานานกว่าที่นายจะดาดคิดซะอีก เผลอๆ อาจจะนานก่อนพวกเราเกิดด้วยซ้ำ” เฟร็ดเหม่อมองออกไปไกลแสนไกล รอนมองหน้าด้วยความสงสัยหนักไปกว่าเดิมกับคำพูดของพี่ชาย แต่เขาก็เพียงพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ และพยายามยอมรับว่าเฟร็ด และเฮอร์ไมโอนี่รักกันมากเหลือเกิน….
จินนี่ แฮร์รี่ และเฮอร์ไมโอนี่ แอบมองดูสองพี่น้อง จากอีกฟากหนึ่งของประตูห้องที่ถูกเปิดทิ้งไว้ พวกเขาหันมายิ้มให้กันด้วยรอยยิ้มแห่งความสบายใจ
งานเลี้ยงถูกจัดขึ้น ณ ตรอกไดแอกอน มีขบวนพาเลซของเด็กๆ ที่แต่งตัวเป็นเหล่าผู้เสพความตาย และก็มีหุ่นจำลองของแฮร์รี่กำลังยืนชูไม้กายสิทธิ์ขึ้นบนฟ้า สัญลักษณ์แห่งอิสรภาพและสันติสุขของผู้วิเศษ ภาพดังกล่าวสร้างความตื่นตาให้กับเหล่าผู้มาร่วมงานเป็นอย่างมาก
ร้านรวงเพื่อมาดูขบวน งานเลี้ยงตอนค่ำจัดขึ้นที่จัตุรัสกลางเมือง ขนมและ ของกินต่างๆ มากมายที่เหล่าผู้มาร่วมงานเป็นอย่างมาก มีดนตรี และฟลอร์เต้นรำอยู่ตรงกลาง มีดอกไม้สีสันสดใสตกแต่งอย่างสวยงาม โดยรอบก็ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้และเทียน ตะเกียงหลากหลายขนาดทำให้บรรยากาศโดยรอบดูอบอุ่น และอบอวลไปด้วยความรัก
คู่รักต่างควงกันออกมาเต้นรำ แฮร์รี่-จินนี่ เนวิล-ลูน่า จอร์จ-แองเจลิน่า เชมัส-ปาราวตี เฟร็ด-เฮอร์ไมโอนี่ และคนอื่นๆ ที่เริ่มทยอยเข้ามาในฟลอร์ เพลงแรกจบลงท่ามกลางเสียงปรบมือร้องรำของเหล่าผู้มาร่วมงาน อย่างสนุกสนาน เฟร็ดและเฮอร์ไมโอนี่ โค้งให้กันก่อนจะจับมือกันเดินลงมาจากฟลอร์ แยกออกมาจากกลุ่มคน มาหยุดอยู่ที่ซุ้มดอกไม้ที่ประดับประดาด้วยเปลวเทียนที่ลอยไปบนอากาศเพราะคาถา นับร้อยเล่มข้างร้านเกมกลฯ
“นายทำเองหรอ?”
“เวทมนต์ทำได้ทุกอย่าง… ชอบมั้ย?” เฟร็ดเอียงคอถามร่างบางที่ทำตาเป็นประกายเหมือนเด็กๆ กับภาพความงดงามตรงหน้า
“ฉันชอบมากเลยเฟร็ด!!!” ร่างบางโผเข้ากอดเขาก่อนจะผละออก เพื่อชมภาพความงดงามตรงหน้าต่ออย่างเพลินๆ ก็ต้องสะดุ้งเมื่อจู่ๆ เฟร็ดก็คุกเข่าลงตรงหน้าเธอ!!
เฮอร์ไมโอนี่หันซ้ายหันขวาเพราะกลัวใครจะมาเห็นภาพน่าอายเหล่านี้ เธอพยายามดึงให้เขาลุกขึ้น แต่ก็ไม่สำเร็จเฟร็ดเอ่ยออกมาด้วยเสียงหนักแน่นที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ถึงกับอึ้ง จนน้ำตาคลอ…
“ได้โปรด …แต่งงานกับฉันนะ!”
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มละไมให้คนรัก และพยักหน้าอย่างยากเย็นเธอปาดน้ำตาออกจากใบหน้างาม เฟร็ดลุกขึ้นคว้ามือข้างซ้ายเธอก่อนจะสวมแหวนกุญแจนำทางที่เขาเสกคาถาป้องกันการหายตัวไว้ชั่วคราว ที่นิ้วนางของเธอก่อนจะจุมพิตที่หลังมืออย่างแผ่วเบา ..ท่ามกลางเทียนที่ถูกปล่อยตัวลอยดูคล้ายโคมขนาดเล็กนับร้อย ที่ค่อยๆ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้ายามราตรีที่งดงามราวกลับดาวดวงน้อยที่เปล่งแสงล่อยลอยไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด…
........................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น