EP.28
คำสาปแห่ง ‘ทวิน ออฟ ดาร์กเน็ต’
เฮอร์ไมโอนี่ถลาเข้าไปประคองร่างเฟร็ด ในแววตาเต็มไปด้วยความวิตก ก่อนจะเสกคาถาสะกดนิ่งใส่เบลลาทริก โดยไม่ให้เธอตั้งตัว ร่างของหญิงผมดำราวกับถูกสตาฟไว้ เฮอร์ไมโอนี่เสกคำสาปกรีดแทงใส่เบลลาทริกไป ไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง อย่างคนเสียสติ ก่อนจะเสกคาถาพิฆาต จนร่างของหญิงผมดำตระตุกอย่างแรงและล้มลง กลายเป็นเพียงร่างที่ไร้วิญญาณในที่สุด
เธอวิ่งกลับมาหาร่างของเฟร็ดที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นปราสาท โดยมีเพื่อนๆ คนในครอบครัวเข้ามากอดร่างของเฟร็ด และร่ำไห้กับการจากไปของหนึ่งในแฝดวีสลี่ย์
แฮร์รี่วิ่งเข้ามาทีหลังมองภาพตรงหน้าอย่างสลดใจ …เฮอร์ไมโอนี่เมื่อหันหลังมาเห็นแฮร์รี่ ที่ตอนนี้เขาปลอดภัยดี เธอก็ปล่อยโฮออกมา เขากอดเธอไว้ และพูดปลอบประโลมร่างบางในอ้อมแขนด้วยความตกใจ!
“เขาจะไม่เป็นไรใช่มั้ย แฮร์รี่ ….ใช่มั้ย!!” ชายผมดำกระชับอ้อมกอดเธอแน่นขึ้น และทุกอย่างในห้องโถงก็กลับสู่ความเงียบด้วยบรรยากาศของความโศกเศร้า…
ร่างไร้วิญญาณของนักเรียนฮอกวอตส์ และสมาชิกภาคีบางคนได้ถูกเคลื่อนย้ายเข้ามาในห้องโถง ทุกคนที่เหลือต่างช่วยกันปฐมพยาบาลให้กับผู้บาดเจ็บ ดูแลผู้ที่เหลืออยู่
เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้น และเดินออกมาจากกลุ่มเพื่อนๆ แต่ถูกรอนคว้าแขนไว้ ตลอดการสนทนามีเพียงเขาและเธอที่นั่งนิ่ง จมอยู่กับความคิดของตัวเอง…. เฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังสิ้นหวังหลังจากการร้องไห้อย่างหนัก แต่ตอนนี้ไม่มีน้ำตาจะไหลอีกแล้วในหัวใจมันปวดร้าวไปหมด กับการสูญเสียคนรักที่สำคัญไปอย่างกระทันหันแบบนี้…
และรอนที่กำลังอยู่ในภาวะเสียใจ และสับสน เฮอร์ไมโอนี่รักเฟร็ด
…ตั้งแต่เมื่อไหร่?! และที่สำคัญเขาอยากใช้โอกาสนี้ในการบอกรักเธอ เพราะคนที่เธอรัก ..เขาได้ตายจากไปแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกผิด แต่เขารักเธอมาก่อน และเฟร็ดมาทีหลัง นี่เป็นโอกาสดีแล้วที่เขาจะบอกความรู้สึกต่อเธอ
“เฮอร์ไมโอนี่ เธอจะไปไหน?”
“ฉันจะไปหาเฟร็ด…”
“เธอจะไปหาเค้าทำไม? …เขาตา..!!”
“ฉันรู้รอน …เลิกพูดแบบนั้นซักที!!” เฮอร์ไมโอนี่สะบัดแขนตัวเองออกจากการจับกุมของรอนและวิ่งออกไปจากตรงนั้น ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของเพื่อนๆ
ร่างบางวิ่งมาในส่วนกลางของห้องโถง พบนายอาเธอร์กำลังพยุงนางมอลลี่ขึ้นจากพื้น ใบหน้าเธอมีแต่คราบน้ำตาและดวงตาที่แดงช้ำ จากการร้องไห้อย่างหนัก เฮอร์ไมโอนี่เดินเข้าไปหานางมอลลี่ และแตะที่แขนของนางอย่างแผ่วเบาราวกลับจะปลอบโยน
“หนูเสียใจด้วยนะคะ…” นางมอลลี่เงยหน้ามองเฮอร์ไมโอนี่ ก่อนจะดึงร่างบางเข้าไปกอด และน้ำตาที่เกือบจะแห้งพลันไหลออกมาอีกอย่างไม่อาจหยุดได้
“ฉัน ฉันเสียใจเหลือเกินเฮอร์ไมโอนี่ …เขาไม่กลับมาแล้ว ….ลูกชายของฉัน!!! ฮือๆๆๆ” นางมอลลี่ผละออกมาจากร่างบาง ก่อนจะถูกนายอาเธอร์พาออกไปจากตรงนั้น
เฮอร์ไมโอนี่ทรุดตัวลงนั้งคุกเข่าลงข้างๆ ร่างที่นอนแน่นิ่ง และซีดเซียวของเขา ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบใบหน้าคมคายอย่างทะนุถนอม น้ำตาเธอไหลออกมาอย่างคนสิ้นหวัง …เขาจากเธอไปแล้ว คำสาปนั้นเป็นเรื่องจริง!!
“เฟร็ด …เฟร็ดดี้ฉันรักนายนะ ”
“….”
“กลับมา…กลับมาเถอะ ….ได้โปรด!!” ร่างบางซุกหน้าลงบนอกกว้างของเฟร็ด และปล่อยน้ำตาให้ไหลรินลงบนตัวเขาจนเสื้อชุ่มโชกไปด้วยน้ำตา
“…ได้โปรด ฮือๆๆ” สิ้นเสียงของร่างบาง ก็พลันเกิดแสงสว่างจ้าขึ้นที่หน้าอกด้านขวาของเขา
เฮอร์ไมโอนี่ลุกพรวดขึ้นมาก่อนจะหรี่ตาลงเพราะแสงที่สว่างจ้าจนบาดตา ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นรีบเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ต้องผงะเอามือป้องตาไว้ และก้าวถอยออกจากร่างของเฟร็ดในรัศมี 10 เมตร ทันที!!
“มันเกิดอะไรขึ้น!!” เสียงคนตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ดังไปทั่ว และจู่ๆ เฮอร์ไมโอนี่ก็ได้ยินเสียงแหบพร่า หากแต่ฟังแล้วอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก เธอรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนี้เหลือเกิน…
‘คำสาป…. ได้ถูกทำลายแล้ว..’
“..!!!!??” ร่างบางจำได้ว่านี่เป็นเสียงของเมแกน ไม่ผิดแน่!! เธอพยายามหาต้นตอของเสียง ก่อนจะหลับตาลงเพราะไม่อาจสู้แสงสว่างจ้าได้อีกต่อไป…และทุกอย่างก็ขาวโพลนไปหมดพร้อมกับสติที่ค่อยๆ เลือนราง
เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นมาในห้องหนึ่ง เธอยันตัวขึ้นจากพื้นห้อง และกวาดสายตาไปรอบๆ พบว่ามันคือห้องต้องประสงค์ที่พวกเธอ และสมาชิก กองทัพดัมเบิลดอร์ ใช้ฝึกการต่อสู้ในช่วงปี 5 นั่นเอง
เรามาที่นี่ได้ยังไงกัน? นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!!!…
เฮอร์ไมโอนี่มองไปรอบๆ ด้วยความแปลกใจ ทั้งห้องไม่มีอะไรเลยนอกจากกระจกโบราณบานใหญ่ …เพียงบานเดียว
ฝีเท้าเดินมาหยุดตรงหน้ากระจกบานใหญ่ เธอมองเห็นตัวเอง ใช่สิ! ..จะให้เห็นใครอื่นได้ยังไง มันเป็นเพียงกระจกนะ …ก็ต้องสะท้อนร่างของผู้ที่ส่องมันอยู่แล้ว เฮอร์ไมโอนี่สะบัดหน้าหันหลังใส่กระจกทันที เธอชนเข้ากับอะไรบางอย่างจนเซถอยหลังไป ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอย่างหงุดหงิด
“ชนอะไรอีกเนี…. เฟร็ด!!!!” ร่างบางโผเข้ากอดชายผมแดงตรงหน้าทันทีก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเขาอย่างร้อนรน ของจริง!! นั่นเขาจริงด้วย เขายังไม่ตาย!!!...
ร่างสูงยิ้มบางๆ ให้เธอ เฮอร์ไมโอนี่ซุกหน้าลงกับอกกว้างอีกครั้งก่อนจะปล่อยน้ำตาให้ไหลรินออกมา
“ให้ตายสิ!! ฉันคิดว่านายตายไปแล้ว นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!!”
“ขอโทษนะ ….แต่ฉันตายไปแล้วจริงๆ ” ใบหน้าของเฟร็ดสลดลงทันทีที่พูดจบ เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มอย่างฝืดๆ และส่ายหน้าอย่างแรง
“ไม่จริงหรอกเฟร็ด ฉันยังสัมผัสตัวนายได้อยู่เลย นี่ไง!! เห็นมั้ย!?” ร่างบางโน้มคอเฟร็ดลงมาจุมพิตอย่างแรงก่อนจะ มองเขาด้วยแววตาหนักแน่น เพื่อยืนยันว่าความคิดของเธอถูกต้อง
“…ฉันเป็นเพียงจิตนาการที่เธอสร้างขึ้น …เท่านั้น ฉันเป็นเพียงคนที่เคยอยู่ในจิตใต้สำนึกของเธอที่รัก…” น้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่ไหลออกมาอีกครั้ง ก่อนจะส่ายศีรษะอย่างคนคุ้มคลั่ง
“ไม่จริงๆๆ ไม่จริง!!”
“ฉันรักเธอนะเฮอร์ไมโอนี่…” เฟร็ดลูบไล้เส้นผมของเธอด้วยปลายนิ้วที่เย็นชืดของเขา
“ฮึก …ฉันก็รักเธอเฟร็ด ฉันจะไปอยู่กับเธอ…”
“ไม่ได้นะ!!...” เฟร็ดบีบไหล่เฮอร์ไมโอนี่ และจ้องตาเธอด้วยแววตาหนักแน่นแต่แฝงไปด้วยความเสียใจ
“จะไม่มีใครไปไหนทั้งนั้น!!!” เสียงแหบพร่าดังขึ้นพร้อมกับร่างหญิงชราปรากฏตัวที่ด้านหลังของเฟร็ด เมแกนเดินเข้ามาหาทั้งสองคนที่ยืนทำหน้าตกตะลึงเมื่อเห็นเธอมายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา
“เมแกน!! คุณมาได้ยังไง??”
“เรื่องของฉันน่ะ …ช่างเถอะ จะไม่มีใครไปไหนทั้งนั้น …คำสาปแฝดสยอง ได้ถูกทำลายลงแล้ว …และถึงเวลาที่พวกเธอควรกลับไป”
“กลับไป? กลับไปไหนน่ะเมแกน ผมน่ะ…ผมตายไปแล้วนะไม่มีที่ให้ผมกลับไปหรอก!!” ในแววตาของเฟร็ดฉายแววสิ้นหวังออกมา และเฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ได้ เธอทนเห็นเขาเป็นแบบนี้ไม่ได้จริงๆ ร่างบางกอดเขาไว้แน่นก่อนจะเอ่ยปากถามเมแกน ด้วยความหวังที่จะช่วยเฟร็ดให้หลุดพ้นจากความทุกข์นี้..!!
“แสงที่นำเธอมา ก็คือแหวนกุญแจนำทาง ที่เขาพกติดตัวไว้…”
“แล้ว??..”
“มันทำจากอัญมณีที่สามารถดูดซับพลังเวทย์ ให้เปลี่ยนเป็นแหล่งสารอาหารของมันเพื่อให้มันดูงดงามตลอดกาล… คำสาปพิฆาต ไม่ได้มีผลกับร่างของเธอโดยตรงเลยพ่อหนุ่ม…”
“หมายความว่าไงคะ?”
“ก็หมายความว่า คาถานั้นถูกอัญมณีที่หัวแหวนดูดไปจนหมด และที่เธอตกลงมาสู่โลกคนตาย ไม่ต้องสงสัย …ด้วยคาถาที่มีอานุภาพขนาดนั้น วิญญาณเธอจึงหลุดออกจากร่าง …เพียงชั่วคราว เท่านั้น!!”
“…” ทั้งสองมองหน้ากันอย่างมีความหวัง และหันมาสนใจคำพูดต่อมาของเมแกนอีกครั้ง
“และ …เนื่องจากวิญญาณของเธอได้หลุดออกจากร่างไปแล้วครั้งหนึ่ง นั่นถือเป็นการละทิ้งร่างนี้ไป คำสาปจึงสลายลงไปด้วย…”
“มันจบแล้วใช่มั้ย เมแกน ผมไม่ตายแล้วใช่มั้ย!!!”
“แน่นอนพ่อหนุ่ม”
“โอ้ เมอร์ลิน!! ฉันไม่เป็นอะไร เราจะกลับไปด้วยกัน!!!” เฟร็ดดึงร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดด้วยความดีใจ และเหวี่ยงตัวไปรอบๆ ห้องด้วยความรู้สึกโล่งใจราวกลับยกภูเขาออกจากอกได้
เฮอร์ไมโอนี่ดึงร่างสูงเข้ามาจูบ และทั้งสองก็เหมือนถูกมวลอากาศมหาศาลดูด จนรู้สึกปั่นป่วนเฟร็ดกระชับอ้อมกอดร่างบางแน่น ก่อนที่ทั้งสองจะหายไปจากห้องต้องประสงค์ เหลือเพียงหญิงชราที่ยืนอยู่ในความเงียบเพียงลำพัง พร้อมกับรำพันออกมาราวกลับเสียงกระซิบสวดมนต์
เฮอร์ไมโอนี่ดึงร่างสูงเข้ามาจูบ และทั้งสองก็เหมือนถูกมวลอากาศมหาศาลดูด จนรู้สึกปั่นป่วนเฟร็ดกระชับอ้อมกอดร่างบางแน่น ก่อนที่ทั้งสองจะหายไปจากห้องต้องประสงค์ เหลือเพียงหญิงชราที่ยืนอยู่ในความเงียบเพียงลำพัง พร้อมกับรำพันออกมาราวกลับเสียงกระซิบสวดมนต์
“…จงใช้ชีวิตทุกวินาที อย่างคุ้มค่านะพ่อหนุ่ม.."
.......................................................................................................
รูปนี้ผู้แต่งตัดต่อเอง นำใบหน้าเฮอร์ไมโอนี่มาใส่แทนรอน ไม่เนียนมากๆ
แต่ตั้งใจทำสุดความสามารถเลยนะคะ ^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น