EP.19
ผิดหวัง
ในค่ำคืนที่ดึกสงัด ลมเย็นๆ พัดผ่านลอดเข้ามาทางประตูระเบียงของห้องพักทำให้ร่างบางที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง ขดตัวอยู่อย่างต้องการป้องกันตัวเองจากความหนาวเหน็บอย่างน่าสงสาร แต่ร่างบางก็สะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงอ้อมแขนอบอุ่นสวมกอดจากด้านหลัง และเมื่อค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาก็พบกับใบหน้าของชายคนรัก ที่กำลังซุกไซร้ที่แก้วนวลของเธออย่างหวนแหน ก่อนที่ร่างบางจะพลิกตัวนอนหงาย เอื้อมสองมือขึ้นประคองใบหน้าชายคนรัก และมอบจูบอันดูดดื่มให้เขาก่อนที่ทั้งคู่จะค่อยๆ หลับตาลง
“ฉันรักเธอเฮอร์ไมโอนี่…”
“ฉันก็รักเธอ”
“จะรักเธอตลอดไป…”
เฟร็ดพร่ำรำพรรณคำรักด้วยน้ำเสียงที่คนฟังรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ และชายร่างสูงจึงเอนกายลงข้างภรรยาสาว
โดยแววตาของชายหนุ่มไหววูบ ขณะมองมาที่ใบหน้างามของหญิงคนรัก ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เข้าเกาะกุมจิตใจของเขา ก่อนที่ราตรีที่มืดมนจะผ่านพ้นไปอย่างยากเย็นเหลือเกินในความรู้สึกของเขา…
เฮอร์ไมโอนี่ตื่นขึ้นมาเมื่อแสงแห่งรุ่งอรุณสาดเข้ามาในห้อง ร่างบางมองชายคนรักด้วยรอยยิ้มอบอุ่นใจ ก่อนจะจุมพิตร่างสูงอย่างแผ่วเบาจนชายร่างสูงเริ่มรู้สึกตัวเล็กน้อย เธอจึงผละออกมาเพื่อทำธุระส่วนตัว แต่เมื่อเปิดประตูห้องน้ำเข้ามากลับไม่พบแปรงสีฟันของเธอ และคนรักเลย
“สงสัยจะอยู่ที่ห้องเดิม..?”
ก่อนจะเดินออกจากห้องพัก ไปยังห้องสูทที่เดิมทีเป็นของเขาและเธอ แต่ตอนนี้ได้ยกให้เป็นที่พักของ โอลิเวีย
เมื่อมาถึงหน้าห้องสูท เฮอร์ไมโอนี่เคาะประตูห้องอยู่พักใหญ่ก็ไม่มีแม้เสียงตอบกลับมา ร่างบางจึงหยิบกุญแจสำรองขึ้นมาไขอย่างไม่รอช้า ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก เฮอร์ไมโอนี่รีบเข้าไปในห้องน้ำหยิบข้าวของส่วนตัวออกมาจนครบ เธอตวัดสายตามองไปที่ประตูห้องนอนบานใหญ่ที่ถูกปิดสนิท ก่อนจะผละออกมา แต่สายตาหลักแหลมของเธอก็สะดุดเข้ากับกระดาษสีขาวแผ่นเล็ก วางแผ่หลาบนโต๊ะรูปทรงสวยสีดำสนิทหน้าโซฟา
มือเรียวหยิบกระดาษขึ้นมาอ่าน ดวงตากลมโตกวาดสายตาไปตามข้อความที่ถูกเขียนด้วยหมึกสีดำสนิท
‘เรื่องเมื่อคืนฉันคงทำให้คุณ รู้สึกแย่ต่อคนรัก แต่ฉันอยากบอกคุณว่า …ฉันยังไม่ลืมคุณ และฉันก็จะไม่ถอยด้วย
รัก’
มือบางขยำกระดาษแผ่นน้อยอย่างแรง จนมันแทบแหลกคามือ เฮอร์ไมโอนี่ตวัดสายตาเกรี้ยวกราดมายังบานประตูห้องนอนที่ถูกปิดสนิท ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่หน้าห้อง เท้าบางที่สวมด้วยผ้าใบสีสดเตะอย่างแรงด้วยความเดือดดาล เข้าที่ประตูเสียงดังไปลั่นห้อง ก่อนจะเดินตึงตังออกมาจากห้องพลางปิดประตูเสียงดังสนั่น!....
….ก่อนที่ประตูห้องนอนสุดหรูจะถูกเปิดออกอย่างช้าๆ ด้วยมือเรียวของสาวผมสั้นที่ยืนพิงบานประตูแหยะยิ้ม ในแววตาเผยความสะใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง
เมื่อมาถึงห้องพักของตัวเอง ร่างบางก็ปาก้อนกระดาษใส่หน้าเฟร็ดที่กำลังนอนหงายบนเตียง
“โอ๊ะ!! ….เกิดอะไรขึ้น?” เขาสะดุ้งตื่น และลุกขึ้นนั่งขยี้ตาอย่างงัวเงียราวกับเด็กๆ
“เปิดดูซะ!!” ร่างบางตวัดสายตาไปที่ก้อนกระดาษสีขาวยู่ยี่ข้างตัวเฟร็ด เขาหยิบมันขึ้นมาดูอย่างแปลกใจ ก่อนจะหยิบมันขึ้นเปิดอ่าน
เมื่ออ่านจบ เฟร็ดก็ปากระดาษทิ้งอย่างเดือดดาลเมื่อได้อ่านข้อความสร้างความร้าวฉานให้ขาและคนรัก ที่หญิงสาวผมสั้นได้ฝากไว้ในกระดาษ
เฟร็ดวิ่งลงจากเตียงทันทีเมื่อเห็น ร่างบางกำลังปิดประเป๋าเดินทาง และลากมันออกจากห้องพักด้วยน้ำตานองหน้า ชายหนุ่มผมแดงคว้าเอวบางไว้ก่อนจะพยายามอธิบาย
“อย่าไปๆ ที่รักฉันอธิบายได้!!”
“ได้สิ …ฟังฉันนะเฟร็ด ฉันผิดหวังในตัวนายเหลือเกิน…”
“อย่าไป ..ได้โปรด ให้ฉันทำอะไรก็ได้เธอถึงจะยกโทษให้” เสียงเฟร็ดสั่นเครือพยายามอ้อนวอน ต่อคนรักด้วยแววตาเจ็บปวด
“…ไปตายซะ!”
ร่างบางสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของชายคนรัก และถีบเข้าที่หน้าแข้งของเขาอย่างแรง ด้วยน้ำตานองหน้าด้วยความปวดร้าว และเสียใจอย่างเหลือแสน …กี่ครั้งแล้วที่ต้องทนปวดร้าวจากการที่เห็นเขากับผู้หญิงอื่น กี่ครั้งแล้วที่ชีวิตของพวกเธอมีแต่อุปสรรค และกับเรื่องของผู้หญิงคนนี้ …เธอจะไม่ทน!!
“เฮอร์ไมโอนี่! อย่าไป!!” เฟร็ดแทบทรุดลงกับพื้นเมื่อถูกรองเท้าผ้าใบถีบเข้าที่หน้าแข้งด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ฝืนตัววิ่งตามเธอไป
ร่างบางลากกระเป๋าเดินทางใบโตออกมาจากโรงแรม เธอโบกแท็กซี่ และเข้าไปในรถโดยมีเฟร็ดวิ่งตามมาติดๆ แต่ก็ไม่ทันรถได้เคลื่อนตัวออกไปไกลมากแล้ว เขาวิ่งลงบันไดมาที่ถนนหน้าโรงแรมโดยไม่ทันได้สังเกตรถที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูง ชนเข้ากับร่างสูงของเฟร็ดจนร่างทั้งร่างกระเด็นไปตามแรงปะทะ ก่อนจะหล่นลงกระแทกพื้นอย่างแรงก่อนจะแน่นิ่งไป….
ร่างบางได้ยินเสียงเบรกรถเสียงดังลั่น เรียกความสนใจให้เฮอร์ไมโอนี่หันหลังไปมอง
“….”
เธอไม่พบว่าเฟร็ดวิ่งตามมาแล้ว แต่กลับต้องพบว่าร่างของชายคนรักกำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นถนน มีผู้คนมารุมล้อมร่างนั้นโดยรอบ ร่างบางสั่งหยุดรถ
“จอดรถค่ะ!!”
เฮอร์ไมโอนี่คว้ากระเป๋าเดินทาง ก่อนเปิดประตูรถวิ่งตรงไปยังร่างของเฟร็ดทันที ร่างบางพยายามประคองกอดร่างของคนรัก ก่อนจะหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา วาดไปรอบๆ ตัวพร้อมกับท่องคาถาแผ่วเบา
“ออบลิวิอาเต้…”
ก่อนมองไปที่แหวนทองคำขาวที่ประดับด้วยอัญมณีสีดำด้วยแววตาแน่วแน่ พลันเกิดเสียงราวกับเสียงแส้ฟาดแหวกอากาศ และร่างทั้งสองก็หายไป…เหลือเพียงความว่างเปล่า และผู้คนที่กำลังมองหน้ากันอย่างงุงงง และเดินแยกย้ายกันไปราวกลับจำไม่ได้ว่าตรงหน้าพวกเขาเคยมีหญิงชายคู่หนึ่งอยู่ตรงนี้….!!
มือบางเอื้อมมาลูบศีรษะที่เปื้อนเลือดของเฟร็ด ที่นอนอยู่บนเตียงของสถานบำบัดเซนต์มังโกอย่างแผ่วเบา ด้วยใจที่ภาวะนาอย่าให้คนรักของเธอต้องเป็นอะไร แม้เขาจะทำให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจขนาดไหน…แต่เธอก็ไม่อาจเห็นเขาเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตาได้!
สถานบำบัด เซนต์มังโก
เฟร็ดถูกนำตัวเข้าห้องบำบัดพิเศษทันที เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนขอร้องว่าให้เธอเป็นแพทย์ประจำตัวของเฟร็ดในเคสนี้ ไม่มีใครปฏิเสธที่นักบำบัดฝีมือดีอย่างเธอจะกลับมาทำหน้าที่ แม้จะยังอยู่ในวันลาพักร้อนของเธอก็ตาม
“เอาล่ะ พักได้แล้วทุกคน ขอบใจมากนะ”
“ค่ะคุณวีสลี่ย์”
ผู้ช่วยนักบำบัดทยอยกันออกไปจากห้องเหลือเพียง ร่างบางที่กำลังยืนมองร่างสูงที่มีบาดแผลอยู่ทั่วตัว พร้อมกับผ้าพันแผลสีขาวที่คาดอยู่บนศีรษะด้วยสายตาที่หลากหลาย ทั้งเป็นห่วง แต่ก็แค้นใจเมื่อนึกไปถึงสิ่งที่เขาได้ทำกับเธอ!!
ร่างบางละสายตาออกมา ก่อนจะเดินไปที่หน้าประตูแต่ก็ต้องชะงักมือหมุนลูกบิด
‘เธอคิดว่าเฟร็ดหักหลังเธอจริงๆ หรอ?’ เสียงเล็กๆ ในหัวดังขึ้น
“เขาทำให้ฉันเชื่อว่ามันเป็นความจริง…”
‘อาจจะเป็นกลลวง ….เธอก็รู้ว่ายัยโอลิเวียน่ะร้ายกาจขนาดไหน!’ เสียงในความคิดยังดังค้านความรู้สึกของเธอ
“แค่สองคนนั้นเคยรักกัน เหตุผลแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว!”
‘ก็แล้วแต่ …เขาหลับอยู่ถ้าอยากรู้ความจริง เธอก็รู้ว่าต้องทำยังไง!’
และเสียงนั่นก็เงียบไป เฮอร์ไมโอนี่หันกลับมามองร่างสูงอีกครั้งอย่างใช้ความคิด
“ทำ”
“ไม่ทำ”
“ทำ..”
.
.
.
.
.
.
.
“ทำ!!”
เฮอร์ไมโอนี่คว้าไม้กายสิทธิ์จากเสื้อคลุม ก่อนจะชี้ปลายไม้มาที่ร่างไร้สติอย่างชั่งใจ ก่อนจะท่องคาถาด้วยเสียงแผ่วเบา
“เลจิลิเมนส์…”
แสงวาบออกจากปลายไม้ เพียงไม่นานก็เกิดภาพความทรงจำของชายร่างสูง ขึ้นในหัวของเฮอร์ไมโอนี่อย่างรวดเร็วจนเธอเผลอย่นคิ้ว ด้วยความปวดศีรษะนิดๆ เธอพยายามมองหาภาพของเหตุการณ์เมื่อคืน ตอนที่เฟร็ดแยกกับเธอ เพื่อกลับไปเอาของที่ห้องพักเดิม และเธอก็อยู่ที่ห้องนั้น
เฟร็ดกำลังคลุมผ้านวมบนตัวร่างบาง ก่อนที่เธอจะรู้สึกตัวตื่นขึ้น และสาวผมสั้นเป็นฝ่ายรุกชายร่างสูงอย่างหนักจนเขาเสียท่า ไฟจากโคมถูกปิดลงจนห้องทั้งห้องตกสู่ความมืด
‘ฉันรอวันที่จะได้พบคุณมานานแล้วเฟร็ด…’ ร่างบางกระซิบแผ่วเบาที่ใบหูของชายหนุ่มผมแดง เขาพยายามดันตัวเธอออกแต่ก็รู้สึกถึงวัตถุแหลมๆ กำลังทิ่มอยู่ที่ลำคอของเขา เมื่อก้มลงไปมองก็พบว่ามันคือไม้กายสิทธิ์
‘อย่าขัดขืนดีกว่าน่า …คุณก็รู้ว่าฉันประมาทไม่ได้…’ หญิงผมสั้นแสยะยิ้มอย่างเหนือกว่า
‘เธอต้องการอะไร?!!’
ร่างบางละริมฝีปากจากใบหูของชายหนุ่ม ก่อนจะสบตาเข้ากับชายร่างสูงด้วยแววตาหวานเยิ้ม เมื่อสิ้นเสียงหวานกลับทำเอาเส้นเลือดในขมับชายหนุ่มกระตุกอย่างแรงด้วยความตกใจ
‘หึ …ฉันต้องการตัวคุณยังไงล่ะ’
ร่างบางโน้มตัวเข้าซุกไซร้ซอกคอเรียวของชายหนุ่มอย่างดุดัน ก่อนจะจูบปิดปากเขา โดยมือยังคงถือไม้กายสิทธิ์จ่อคอของเขาอยู่ไม่ห่าง ร่างบางปลดกระดุมเสื้อของเขาออก และเริ่มลูบไล้ที่แผงอกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบของเฟร็ด ก่อนจะเริ่มเล้าโลมเขาอย่างหนัก แต่เพียงไม่นานโอลิเวีย ก็ผละออกจากร่างของเฟร็ด ก่อนจะจ้องนิ่งที่ใบหน้าที่เรียบเฉยของเขาอย่างงงงวย ตลอดตั้งแต่เธอรุกเขามาหลายสิบนาทีไม่มีแม้แต่เสียงคราง หรือการแสดงออกทางความรู้สึกทางเพศของชายตรงหน้า ที่เธอกระทำต่อเขาเลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้เธอรู้สึกผิดหวัง และอับอายเป็นอย่างมาก จนหยุดการกระทำลงแต่เพียงเท่านั้น…
‘ทำไม …ฉันไม่ทำให้คุณพอใจได้อย่างงั้นหรอ!!!!?’ โอลิเวียตะโกน ด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความโกรธ
‘ร่างกาย และหัวใจของฉัน …รับรู้ได้แค่เพียงเฮอร์ไมโอนี่เท่านั้น…’
สิ้นเสียงของเฟร็ดที่เอ่ยขึ้นมาอย่างแผ่วเบา แต่โหดร้ายจนทำให้ผู้ฟังราวกับถูกมีดคมๆ เฉือนที่หัวใจจนเกิดแผลลึกจนยากที่จะเยียวยา โอลิเวียเม้มปากแน่นจนเกือบเป็นเส้นตรง ก่อนจะวิ่งเข้าห้องปิดประตูเสียงดัง!!
เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง กำไม้กายสิทธิ์แน่นก่อนที่ภาพในความทรงจำของเฟร็ดจะค่อยๆ หายไปจากความคิด ที่แท้ก็เป็นเพราะโอลิเวีย พยายามปั่นหัวให้เธอและคนรักเลิกกัน และก็เกือบสำเร็จเสียด้วย …แต่ที่น่าเจ็บใจที่สุด คือ เธอตกหลุมพรางที่ยัยโอลิเวียขุดไว้เต็มๆ
หลังจากนั้น 3 ชั่วโมงกว่าๆ เฟร็ดก็ฟื้นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องบำบัดที่เซนต์มังโก เขากวาดสายตาไปรอบๆ ห้องที่ว่างเปล่าอย่างหดหู่ใจ ไม่มีแม้เงาของนักบำบัด หรือร่างบอบบางของหญิงคนรักที่เขาทำให้เธอเสียใจ…เธอคงเกลียดเขาไปแล้ว
เฟร็ดเอนศีรษะลงบนหมอนสีขาวสะอาดอีกครั้งอย่างอ่อนแรง เขาสงสัยว่าตนกลับมาอยู่สถานบำบัดในลอนดอนได้อย่างไร? …แต่ขยับยันกายเพียงนิดก็รู้สึกปวดร้าวไปทั่วทั้งร่างจนแทบขาดใจ เมื่อนึกย้อนไปก็จำได้ว่าเขามีปากเสียงกับเฮอร์ไมโอนี่ และวิ่งตามเธอไปก่อนจะถูกรถชน ทุกอย่างก็มืดไปเหลือทิ้งไว้เพียงความเจ็บปวดพอตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่แล้ว
แอ๊ดดด! ….ปัง!!
“เฮอ …เฮอร์ไมโอนี่!!” เฟร็ดตวัดสายตาไปที่ประตูห้องก่อนจะยันตัวขึ้นจากเตียงด้วยหัวใจที่เต้นแรง เมื่อได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวผู้เป็นที่รักอีกครั้ง เขาพยายามจะลงจากเตียงแต่เฮอร์ไมโอนี่วิ่งมาประคองได้ทัน และผลักให้เขานอนลงอีกครั้งด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เฟร็ดจึงยอมนอนลงแต่โดยดี แต่ไม่วายเอื้อมมือไปคว้ามือบางไว้แน่น ราวกับกลัวว่าเธอจะหนีไปจากเขาอีกเป็นครั้งที่สอง!!
“อย่าไป.. ฉันอธิบายได้นะที่รัก โปรดเชื่อฉัน…” เสียงที่เปล่งออกมาจากชายหนุ่มผมแดงอ้อนวอนแหบพร่าราวกับจะขาดใจ
“…!”
“ให้ฉันทำอะไรก็ได้ พิสูจน์…พินิจใจก็ได้มันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดแน่นอน!” ร่างสูงมีท่าทีกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก เฮอร์ไมโอนี่ที่ทราบความจริงของเรื่องทั้งหมดแล้ว ก็ได้แต่ยืนนิ่งอย่างทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายก็ต้องยอมเสกคาถาพินิจใจอีกครั้งตามที่เฟร็ดขอร้องเพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย
‘ทำไม …ฉันไม่ทำให้คุณพอใจได้อย่างงั้นหรอ!!!!?’
.
.
‘ร่างกาย และหัวใจของฉัน …รับรู้ได้แค่เพียงเฮอร์ไมโอนี่เท่านั้น…’
ราวกลับดูหนังรักม้วนเดิมซ้ำไปซ้ำมา เฮอร์ไมโอนี่ลดไม้กายสิทธิ์ลงแม้ภาพดังกล่าวจะหายไปแล้ว แต่คำพูดของเฟร็ดยังคงก้องอยู่ในหัวของเธอจนแก้มนวลเริ่มขึ้นสีแดงด้วยความเขินอาย ก่อนจะรู้ตัวอีกทีก็ถูกชายหนุ่มผมแดงสวมกอดอย่างอบอุ่น
“ความรัก …ของเราสองคนมีอุปสรรคเยอะจังเลยเนอะ…”
เฟร็ดเผยยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมากระซิบแผ่วเบาที่ใบหูของร่างบาง
“บททดสอบพวกนี้ สร้างขึ้นมาเพื่อให้เราเห็นคุณค่าของความรักมากขึ้น เมื่อพวกเราฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้นไปได้ …ก็ไม่มีอะไรมาทำลายความรักของเราได้แน่นอน…”
“จริงด้วย..” ร่างบางเผยยิ้มกว้างออกมาอย่างเห็นด้วยกับเขา ก่อนจะหน้าแดง เมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากหยักได้รูปสัมผัสที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเธออย่างแผ่วเบา
“ฉันรักเธอนะ …แม่หนอนหนังสือของฉัน”
.........................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น