EP.22
ก็อดดริก ฮอลโลว์
ทั้งสองหายตัวมาที่หมู่บ้าน ก็อดดริก ฮอลโลว์ ทันที พวกเขายืนอยู่บนถนนที่ทอดยาวเข้าไปในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ดูร้างผู้คน เฟร็ดจำได้ว่าในโลกปัจจุบันก็ไม่ต่างจากตอนนี้ซักเท่าไหร่เลย ยังดูเก่าแก่ คร่ำครึก หนาวเย็น และสกปรกเหมือนเดิม เพียงแต่ที่นี่ ตอนนี้สภาพบ้านเรือนยังดูใหม่กว่า
ตลอดเส้นทางมีบุคคลท่าทางน่ากลัวจับกลุ่มดื่มสุรากัน ส่งเสียงดังไปทั่ว เฟร็ดรีบดึงมือเฮอร์ไมโอนี่ให้เดินตามเขาไปให้ทัน แต่ก็ไม่พ้นสายตาพวกขี้เมาอยู่ดี
“ไง!! ไอ้พวกหลงถิ่น …แน่นักรึไงมาเดินท่อมๆ ในยามวิกาลแบบนี้ ฮึ!!” ตาแก่พุงพลุ้ยเดินเข้ามาประชิดตัวพวกเขาอย่างรวดเร็ว แต่เฟร็ดและเฮอร์ไมโอนี่ก็ยังไม่หยุดเดิน และทำเป็นไม่สนใจ
“พวกคนเมา…”
“อินคาเซอรัส!!!!” ยังไม่ทันขาดคำของเฟร็ดตาแก่ขี้เมาก็เสกเชือกออกมารัดที่ขาของเฮอร์ไมโอนี่ และกระชากอย่างแรงจนเธอล้มตึงลงกับพื้น เฟร็ดเสกคาคาแก้เชือกทันที และพยุงร่างบางที่กำลังขวัญเสียอย่างหนักเข้ามาในอ้อมกอด ด้วยแววตาแห่งความเกรี้ยวโกรธ
“อย่ามาทำอวดเก่งที่นี่ไอ้หนูเรามันพวกนักต้อน นั่นแค่สั่งสอนเท่านั้น ….คราวนี้ฉันเอาจริง!!!!!”
กลุ่มคนขี้เมา 6 คนเข้ามาล้อมทั้งสองไว้ เฟร็ดไม่รอช้ารีบเสกคาถาใส่พวกมันทันที
“สตูเปฟาย!!” ตาแก่ขี้เมากระเด็ดออกไปจากวงล้อมทันที พวกที่เหลือดูท่าจะสร่างเมาแล้วมองหน้ากันเลิกลัก
“ยืนทำซากอะไร จัดการมันเลย!!!!” ตาแก่ยันตัวขึ้นมานั่งอย่างหมดสภาพหลังจากลูกน้องมาคลายคำสาปสะกดนิ่งให้แล้ว พร้อมกับออกคำสั่งด้วยความเดือดดาล
“แกตาย!! …รีคั!!” หนึ่งในพวกนักต้อนเสกคาถาใส่พวกเฟร็ด
“รีคัตโต้!!!” ยังไม่ทันจบประโยคร่างนักต้อนทั้งร่างก็ลอยละลิ่วก่อนจะกระแทกลงพื้นอย่างแรง
“เฟร็ด!!! …ข้างหลัง!!” เฮอร์ไมโอนี่หวีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
“เอกซ์เปลลิอามัส!!! …เฟอร์นันคูลัส” เฟร็ดปลดอาวุธชายนักต้อนร่างอ้วยเตี้ยผู้นั้น ก่อนจะเสกคาถาฝีหนองใส่ ทั้งหน้าของนักต้อนผู้นั้นมีฝีผุดขึ้นมาอย่างเจ็บปวดและระเบิดออกใส่ตาของชายนักต้อนอีกคนที่อยู่ข้างๆ ด้วยความแสบทำให้ชายผู้นั้นวิ่งไปจากตรงนั้นทันที
เฟร็ดส่งไม้กายสิทธิ์ที่ยึดมาให้กับเฮอร์ไมโอนี่
“ครูซิโอ้!!!” ร่างบางเสกคำสาปกรีดแทงไปที่ชายร่างกำยำที่ตอนนี้ลงไปนอนแดดิ้นกับพื้นด้วยความทรมาน เฟร็ดไม่ทันตั้งตัวก็โดนคาถาทะลายด่านจนลงไปหมอบกับพื้น
“เซ็กตัมเซมปร้า!!” เฮอร์ไมโอนี่หันไปเห็นชายร่างสูงอีกคนที่จะเข้ามาซ้ำ เฟร็ด ก็เสกคาถาใส่มันทันที ร่างที่โดนคาถาเหมือนมีมีดที่มองไม่เห็นบาดลึกไปทั่วทั้งตัวอย่างเจ็บปวด ก่อนจะแน่นิ่งไป
พวกนักต้องไม่คุ้นเคยกับคาถานี้จึงพากันหนีตายกระเจิงไปคนละทิศละทาง
เฮอร์ไมโอนี่ทรุดตัวลงข้างเฟร็ดและพยุงเขาขึ้น
“ไม่เป็นไรนะเฟร็ดดี้ ..เราปลอดภัยแล้วนะ!”
ทั้งสองเดินเท้าเข้ามาในหมู่บ้านเรื่อยๆ จนมาถึงสุสานที่มีป้ายหินตั้งตระหง่านเต็มไปหมด บรรยากาศภายในก็น่าขนลุกเป็นอย่างยิ่ง ทั้งสองตกลงจะแยกกันตามหาป้ายชื่อของท่านแคดมัส
หิมะปกคลุมป้ายชื่อจนมองแทบไม่เห็นแต่มีป้ายหนึ่งในร้อยที่เปล่งแสงสีขาวนวลออกมาจางๆ ในความมืด ก่อนจะเริ่มสว่างจ้ามากขึ้นเมื่อเฮอร์ไมโอนี่เดินเข้าไปใกล้มัน ล็อกเก็ตในคอก็เปล่งแสงออกมาจนทั้งสองต้องหยีตา
เฟร็ดเอื้อมมือไปปัดหิมะออกจากป้ายหิน ‘แคนมัส เพฟเวอร์เรล’ ใต้ล่างสุดของแผ่นป้ายมีอักษรรูณที่เฟร็ดอ่านไม่ออก 2 -3 บรรทัด โดยเหนือชื่อของเขามีอัญมณีสีนิลขนาดเล็กฝังอยู่ ใช่แล้ว!! มันคือสิ่งที่ เมแกนมอบให้เขาในวันนั้น ไม่ผิดแน่!!
ร่างสูงพยายามจะแกะมันออกจากแผ่นหิน ทั้งใช้มือ ทั้งใช้คาถาแต่ก็ไม่สำเร็จ ขณะที่เขากำลังถอดใจ
“มันไม่ออกเลย ….ทำไงดีเฮอร์ไมโอนี่?” ร่างบางไม่ตอบ เธอเดินเข้าไปใกล้กับแผ่นหินและสัมผัสที่อัญมณีสีดำอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเปล่งเสียงเป็นภาษาในอักษรรูณที่เฟร็ดไม่รู้ความหมาย
“ฉันพร้อมจะตาย…” อัญมณีสีนิลเปล่งแสงจ้าก่อนจะหลุดออกมาจากแผ่นหินลงบนมือร่างบางอย่างง่ายดาย
“เมื่อกี้เธอบอกมันว่าอะไรหรอ??”
“ฉันพร้อมจะตาย”
“รู้ได้ไงว่าต้องพูดแบบนี้?”
“มันเขียนไว้บนหลุมศพเขาเฟร็ดดี้…” เฟร็ดมองตามมือเธอ ไปที่ล่างสุดของป้ายหิน ก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ ทั้งสองพลิกหินในมือดูอย่างดีใจ
แสงสว่างวาบที่ล็อกเก็ตก่อนที่มันจะค่อยๆ หายไปเฮอร์ไมโอนี่ตกใจคลำหาล็อกเก็ตไปทั่วตัวแต่ก็ไม่พบมันหายไปไหนกัน
เฟร็ดที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่คุณยายทวดเทสซี่ เคยเล่าเรื่องเหนือจินตนาการให้เขาฟังบ่อยๆ จึงพอจะได้ข้อสรุปการณ์เหตุการณ์เมื่อกี้ว่า
“ของสิ่งเดียวกัน เมื่อถูกข้ามผ่านกาลเวลาจะไม่สามารถอยู่ในที่เดียวกันได้ ของสิ่งใหม่กว่าจึงหายไปจากช่วงเวลาในอดีต…” เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“แต่เธอทำมันให้ฉันนะ…”
“ช่างมันเถอะ …ฉันสัญญาจะทำอันใหม่ที่สวยกว่านั้นดีมั้ย?” ร่างบางยิ้มออกมาอย่างดีใจ
ทั้งสองหายตัวเข้ามาในเมืองก่อนจะหาที่พักสำหรับคืนนี้ ร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางและการต่อสู้ ทำให้ทั้งสองเมื่อมาถึงห้องพักก็พลันสลบเหมือดอย่างไม่เป็นท่า…
“เฟร็ดดี้ๆๆๆๆ ตื่นเร็วเราต้องไปหาไม้กายสิทธิ์กันแต่เช้านะ” เนื่องจากไม้กายสิทธิ์ของเฟร็ดถูกยึดไปตอนที่ถูกผู้เสพความตายจับตัว เขาก็ต้องยืมเฮอร์ไมโอนี่ตลอด และไม้อันใหม่ที่ยึดมาได้จากพวกนักต้อนก็เป็นไม้ถูกๆ เปาะและพังง่ายเหลือเกิน พวกเขาจึงตกลงกันว่าจะไปซื้อไม้กายสิทธิ์อันใหม่ในเช้านี้
แต่ร่างกายของเฟร็ดมันกับไม่ยอมทำตามคำสั่งเลย มันยังจมลงไปกับที่นอนนุ่มนิ่มที่ดึงเขาลงสู่ห้วงนิทราซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ถ้านายไม่ตื่นฉันจะสาปนายให้เป็นหนู หน้าตาน่าเกลียดยิ่งกว่าสแคบเบอร์ ลุกเดี๋ยวนี้นะ!!!!” ร่างบางกระโดดขึ้นเตียงไป ก่อนจะทิ้งตัวทับเขาอย่างแรงจนร่างสูงร้องออกมาเสียงหลง
“โอ๊ย!! หมูทับ ให้ตายเถอะเมอร์ลินช่วยผมด้วย!!!” เฮอร์ไมโอนี่รีบลุกขึ้นมามองค้อนเขาทันทีก่อนจะทำท่าจะลุกออกไปจากเตียง แต่ถูกมือหน้าคว้าเอวเธอไว้จนหงายหลังลงมาบนเตียงข้างๆ เขาอีกครั้ง
“ว้าย!!! อะไรเนี่ย ปล่อยฉันนะ!!” ร่างบางดิ้นพล่านในอ้อมกอดเขาแต่เฟร็ดก็ไม่ยอมปล่อย
“มอนิ่งคิสก่อนเซ่!” ร่างบางชะงักก่อนจะหันมาหาเขาอย่ารวดเร็ว
“ถ้าจูบแล้วจะลุกใช่มั้ย?”
“อืม..”
“อืมอะไร! ทำปฏิญาณไม่คืนคำมาเซ่!!!!!!” เฟร็ดหน้าเหวอทันที จึงเป็นโอกาสที่ร่างบางจะรีบลุกออกมาจากเขาได้
“เร็วเข้านายทำให้เราสายนะ!! ฉันจะลงไปรอข้างล่าง อย่าสายกว่านี้ล่ะ!!!” ก่อนที่ฝีเท้าของร่างบางค่อยๆ ดังห่างออกไป ร่างสูงจำต้องลุกออกมาจากเตียงเพื่อนไปทำธุระส่วนตัวทันที…
ร้านขายของในเมืองนี้ดูคึกคักกว่าตรอกไดแอกอน ซะอีก พ่อมดแม่มดในเครื่องแต่งกายสมัยก่อนเดินกัยขวักไขว่
“จับมือกันไว้ เตี้ยๆ แบบนี้เดี๋ยวก็หลงกันพอดี”
“นี่!! ถ้านายอยู่เงียบๆ ก็ไม่มีใครว่าอะไรนะเฟร็ด!!!!!” เฟร็ดแกล้งทำท่าเหมือนกลัวเฮอร์ไมโอนี่เหลือเกิน จนเธอหลุดหัวเราะออกมากับท่าทีของเขา
“นั่นไงเจอแล้ว ร้านไม้กายสิทธิ์!!” เฮอร์ไมโอนี่ดึงเฟร็ดแหวกกลุ่มคนออกมาจนเข้ามาในร้านได้ในที่สุด ภายในร้านนี้ไม่ต่างจากร้านขายไม้กายสิทธิ์ของโอลิแวนเดอร์เท่าไหร่ แต่มีพื้นที่ในร้านกว้างกว่า และมีหลายชั้นมาก
“ท่านผู้วิเศษทั้งสอง ต้องการไม้กายสิทธิ์แบบไหนเอ่ย??” ชายร่างผอมบางใบหน้าเรียวเล็กดูเจ้าเล่ห์เหมือนหนูเดินเข้ามาต้อนรับพวกเขาทันที
“เราอยากได้ไม้กายสิทธิ์ที่เหมาะกับเขาซักอัน คุณช่วยแนะนำ..”
“ได้เลยครับคุณผู้หญิง เชิญทางนี้ครับ” ทั้งสองเดินตามเจ้าของร้านไปหน้าเค้าเตอร์ พลันสายตาของร่างบางก็เหลือบไปเห็นโปสเตอร์แปะอยู่บนผนังร้าน
‘ไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ ไม้กายสิทธิ์ที่มีอานุภาพร้ายแรง ชิ้นเดียวในโลก!’
เฮอร์ไมโอนี่เดินไปหาเจ้าของร้านทันทีด้วยความตื่นเต้น
“ไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์!! มันอยู่ที่นี่จริงๆ หรอคะ หมายถึงของจริงน่ะ!!!” เฟร็ดและเจ้าของร้านมองมาที่เธอทันที ชายเจ้าของร้านส่งกระดาษให้ทั้งสองดู มันเป็นภาพถ่ายไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ ทั้งสองหยิบภาพขึ้นดูด้วยความประหลาดใจ
“ให้ตายเถอะเฟร็ด!! ไม้กายสิทธิ์นี้เหมือนของศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์เลย!!”
“มันยังอยู่รึป่าวครับ? ผมตั้งการไม้กายสิทธิ์อันนี้!!” เฟร็ดถามเจ้าของร้านด้วยแววตาประกายไปด้วยความหวัง
“เสียใจด้วยท่านพ่อมดหนุ่ม มีคนซื้อมันไปแล้ว…เมื่อกี้เอง คิดว่าพวกท่านคงจะสวนกับเขาตอนเข้ามานะ”
“ขอบคุณครับ!!” เฟร็ดส่งรูปคืนให้เจ้าของร้าน และทั้งคู่ก็วิ่งออกมาจากร้านทันที
“นายจำหน้าเขาได้มั้ย?” เฮอร์ไมโอนี่หมุนซ้าย หมุนขวามองหาชายในชุดคลุมสีม่วงที่ชายเจ้าของร้านพูดถึง
“จำได้สิ อ้วนเหมือนลุงเวอร์นอล ของแฮร์รี่ขนาดนั้น ฉันว่าทางนั้น! …ไปกันเถอะ!!!” เฟร็ดจับมือเฮอร์ไมโอนี่แทรกผ่านกลุ่มคนมากมายไปตามทิศทางที่เขาคิดว่าชายชุดคลุมสีม่วงคนนั่นต้องมาแน่นอน
“นั่นไงเจอแล้ว!!” เฟร็ดเห็นชายคนนั้นเลี้ยวเข้าไปในร้านแห่งหนึ่งเมื่อเขามาอยู่หน้าร้านนั้นก็ต้องคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
“ที่นี่มันโรงแรมที่เราพักนี่!!? วิเศษไปเลยทีนี้ก็ตามตัวไม่ยากละ!!!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องออกมาอย่างดีใจ และทำท่าจะตามชายคนนั้นเข้าไป แต่เฟร็ดจับแขนเธอไว้ เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองเขาแบบไม่เข้าใจ…
“จะทำอะไร มันต้องมีแผน…” เฟร็ดลากเฮอร์ไปโอนี่ออกมาจากหน้าโรงแรม และเริ่มเล่าแผนการระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินชมวิวเมืองไปด้วยกัน…
....................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น