HOME........... แนะนำนิยาย.......... Gallery............VIDEO........... ติดต่อเรา

วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

EP.15 Deathly Hallows เราคือ..นายแห่งยมทูต เฟร็ด/เฮอร์ไมโอนี่


EP.15

ห้องลับ




        เช้าวันต่อมาขณะที่   เฮอร์ไมโอนี่กำลังรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับ  เครื่องรางยมทูต’  จากหนังสือในห้องหนังสือ  ของคฤหาสน์ เพฟเวอร์เรลล์ อย่างเคร่งเครียด  แต่ก็ไม่มีข้อมูลอะไรมากพอ นอกจากข้อความ 2-3 บรรทัด ที่สอดแทรกอยู่ตามหนังสือเรื่องว่าด้วยของวิเศษ  และตำนานเก่าแก่เท่านั้น
        ขณะที่เธอกำลังเอื้อมมือไปหยิบหนังสือเล่มใหม่ แต่มันอยู่สูงเหลือเกิน
ร่างสูงเดินมาด้านหลังเธอก่อนจะหยิบมันออกมาจากชั้นวาง   เธอรีบหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับเขาทันที
         “อ้าว   ตื่นแล้วหรอเฟร็ด  อาหารเช้าอยู่ในห้องครัวนะ
         “ฉันยังไม่ค่อยหิวเลย”   ร่างสูงดึงเธอเข้ามาจุมพิตอย่างแผ่วเบาจนเฮอร์
ไมโอนี่หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย  ก่อนที่เขาจะผละออกอย่างเสียดาย
        “กำลังหาข้อมูลหรอ?”   เฟร็ดพูดและพลิกหนังสือในมือไปมา
        “ยังไม่ถึงไหนเลย  มีแต่ข้อมูลเก่าๆ  ซ้ำกันเต็มไปหมดไม่มีเบาะแสอะไร
เพิ่มเติมซักนิด”  เฮอร์ไมโอนี่มุ่ยหน้า  
        เฟร็ดรู้สึกถึงความเครียดของเธอที่มีมากเกินไปแล้วจนเขาอดที่จะเป็น
ห่วงเธอไม่ได้   ร่างสูงเดินไปอีกมุมหนึ่งของห้อง  และกลับออกมาพร้อมกับถาดที่ใส่ถ้วยโกโก้ร้อน 2  ใบ และขนมหวานอีกหลายชนิด  
         ร่างบางรับมันมาดื่ม  ด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายขึ้น  และยิ้มเป็นเชิงขอบคุณเขา   เฟร็ดยิ้มตอบด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น  พลันสายตาเหลือบไปเห็นสิ่งของบางอย่างที่ห้อยบนคอของเธอ  กำลังเปล่งแสงสีขาวนวลออกมาจางๆ เขามองมันด้วยสีหน้าอึ้งๆ  มาที่หน้าอกของร่างบาง
         “อะ   ..อะไรหรอเฟร็ด??”
         “เธอยังใส่มัน…??”   เฟร็ดถามขึ้นด้วยความตื้นตันใจ
         “ฉันใส่ติดตัวไว้ตลอดเลยนะ..”   และเธอก็เขินจนหน้าแดงก่อนจะก้มหน้าลงดูล็อกเก็ตในคอที่พาดลงมาบนหน้าอก   ก่อนจะตาโตด้วยความตกใจ
 
         ล็อกเก็ตในคอของเธอเรืองแสงออกมาเป็นแสงสีขาวนวลตา  ชั่งดูงดงามยิ่งนัก   เธอหวนนึกถึงข้อความในจดหมายที่ว่า เครื่องราง ทุกชิ้นจะเปล่งแสงเรียกหากัน…’
         “เฟร็ด!!
         “ใช้แล้ว  แสดงว่าเบาะแสที่สำคัญ  หรือเครื่องรางชิ้นต่อไปอาจจะอยู่
ในห้องนี้!!    ทั้งสองโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ   ก่อนจะเริ่มต้นหาที่มาของแสง
ทันที  เฮอร์ไมโอนี่ถอดสร้อยคอล็อกเก็ตให้เฟร็ด   เขาถือมันไว้และใช้มืออีกข้างกระชับมือบางไว้ก่อนจะออกเดินไปรอบๆ ห้องโดยแสงที่เปล่งออกมาทวีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  เมื่อเขามาหยุดยืนอยู่หน้าผ้าม่านสีดำผืนใหญ่หลังโต๊ะทำงาน
         แสงที่เปล่งออกมาเริ่มคงที่ และสว่างจ้าต่างจากตอนแรกลิบลับ     ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความฉงน   ด้านหลังม่านคงจะเป็นหน้าต่างหรืออะไรซักอย่างถึงได้ปิดมันไว้   เฟร็ดเดินถอยออกมา  แต่เฮอร์ไมโอนี่ดึงมือเขาไว้ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้ม่านดำมากขึ้น  และเปิดมันขึ้น
         “…”
         หลังผ้าม่านมีแต่ผนังสีแดงเข้มที่บุด้วยพรมชั้นดี  ทั้งสองถอนหายใจ
ด้วยความผิดหวัง
        “ไปเถอะ   ฉันคงคิดมาไปเอง  เดี๋ยวอาหารเช้าจะชืดหมดนะ…”  เฟร็ดยังยืนอยู่ที่เดิม  และดึงแขนเฮอร์ไมโอนี่ไว้  จนเธอเหลียวหลังกลับมามองเขา
        “ฉันขอยืมไม้กายสิทธิ์หน่อยสิ…”   เธอรีบยื่นไม้กายสิทธิ์ให้เขาทันที    
        เฟร็ดเดินมาที่ผ้าม่านสีดำที่ถูกดึงลงปิดผนังอีกครั้ง   ก่อนที่เขาจะใช้ไม้กายสิทธิ์แตะที่มัน3 ที อย่างช้าๆ   พลันเกิดหยดหมึกสีขาวบนม่านก่อนจะขยายวงกว้างเป็นรูปร่างชัดขึ้นเรื่อยๆ  จนกลายเป็นแผนผังตระกูลเพฟเวอร์เรลล์   ตั้งแต่รุ่นแรกจนรุ่นสุดท้าย
 
         โดยมีชื่อและภาพวาดของเขา กับเฮอร์ไมโอนี่ในชุดสมัยใหม่ต่างจากผู้
สืบทอดคนก่อนๆ   เขาและเธอกลายเป็นเจ้าของคฤหาสน์เพฟเวอร์เรลล์  โดยสมบูรณ์แล้ว!!
         เฮอร์ไมโอนี่เดินเข้าไปใกล้ๆ กับแผนผังด้วยความทึ่ง  ก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสเบาๆ  ที่ภาพเหมือนเก่าๆ จนสีซีดไปมาก  ที่ใบหน้าคล้ายเธออีกภาพอยู่ในชุดของหญิงสูงศักดิ์สมัยโบราณ  เช่นเดียวกันกับชายในชุดขุนนางแบบโบราณที่มีใบหน้าเหมือนเฟร็ดอย่างกับแฝด!!

         เธอพยายามอ่านชื่อใต้ภาพแต่มันก็เลือนรางจนมองแทบไม่เห็น  
         นั่นน่าแปลกใจมากที่บุคคลในต้นตระกูลเพฟเวอร์เรลล์  ช่างมีหน้าตาคล้ายกับพวกเธอเหลือเกิน  แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่ากับตำแหน่งของมันอยู่ในตำแหน่งของรุ่นลูกของผู้ก่อตั้งพอดีเป๊ะ!!
          เฮอร์ไมโอนี่และเฟร็ดจ้องตากันด้วยความสงสัย  ก่อนที่ด้านบน   ของแผนผังจะปรากฏตัวหนังสือสีทองอร่ามขึ้น   มันคงเป็นคีหรือรหัส  ที่จะเปิดเข้าไปในห้องลับหรืออะไรซักอย่างแน่นอน!
 
          เฟร็ดอ่านข้อความด้วยน้ำเสียงเรียบๆ  แต่หนักแน่น
          “ข้าคือผู้สืบทอดของตระกูลเพฟเวอร์เรลล์  อันสูงส่ง…”   และแตะไม้กายสิทธิ์ลงบนแผนฝัง
          แผนผังค่อยๆ  เลือนหายไปเผยให้เห็นชั้นวางหนังสือสีดำทะมึนรูปทรง
โบราณหลังหนึ่ง   ภายในบรรจุหนังสือโบราณมากมาย  บ้างก็รูปทรงแปลกประหลาด  ขนาดที่เฮอร์ไมโอนี่ยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน   แต่ก็ไม่น่าสนใจไปกว่าหนังสือปกหนาสีน้ำเงินเล่มหนึ่ง   ที่กำลังเปล่งแสงสีขาวนวลตรงหน้าพวกเขา   ทั้งสองคนหายใจรัวเร็วด้วยความระทึก!!
           “เราเจอมันแล้วล่ะเฮอร์ไมโอนี่!!!”   เฟร็ดจุมพิตลงบนผมของเธอก่อนจะหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาถือไว้   ของทั้งสองชิ้นเปล่งแสงออกมาราวกับกำลังหยอกล้อกัน   เฟร็ดสวมล็อกเก็ตคืนให้เฮอร์ไมโอนี่   ก่อนจะพลิกหนังสือในมือดูอย่างสนใจ
          “เปิดดูเลยสิเฟร็ด!!”   เฮอร์ไมโอนี่เร่งเร้าด้วยความตื่นเต้น
          “เปิดล่ะนะ!
          ร่างสูงพลิกเปิดหน้าแรกของตำรา  จู่ๆ  ก็เกิดพายุพัดกระหน่ำไปทั่วห้องที่ปิดตาย   ไฟในเตาผิงวูบไหวก่อนจะดับลง   เหล่าหนังสือในห้องปลิวว่อนไปบนอากาศอย่างไร้ทิศทาง    
          เฟร็ดและเฮอร์ไมโอนี่กอดกันแน่น  พลางมองไปรอบๆ ตัวด้วยใบหน้าตื่นตระหนก!!

          หนังสือใน
มือเฟร็ดกระพือไปตามแรงลม  ก่อนจะเปิดค้างที่หน้า ว่าด้วยเครื่องรางแห่งยมทูต  และเกิดแสงสีทองจากตรงกลางสันหนังสือด้านใน    ร่างของทั้งสองก็ถูกดูดเข้าไปในแสงนั้น  ก่อนที่ทั้งห้องจะกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง  กับห้องที่กระจัดกระจายไปด้วยหนังสือ   หลังพายุสิ้นสุดลง
 
 
         ณ  กระท่อมเปลือกหอย
         พวกแฮร์รี่กลับมาที่นี่อีกครั้งพร้อมกลับร่างไร้วิญญาณของด็อบบี้   อดีตเอลฟ์ประจำคฤหาสน์มัลฟอย  หลังจากที่พวกเขาหลบหนีออกมาจากการจับกุมตัวของพวกมัลฟอย     และพวกนักต้อน  และยังสามารถช่วยลูน่า  ช่างทำไม้กายสิทธิ์  และก็อบลินไว้ได้   สภาพแต่ละคนดูไม่จืดแต่ที่เลวร้ายกว่าก็คือการที่แฮร์รี่ ต้องสูญเสียเพื่อนคนสำคัญอีกคนหนึ่งของเขาไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
         ขณะที่ทุกคนกำลังพักผ่อน  แฮร์รี่ก็เห็นภาพความเชื่อมโยงของเขากับจอมมาร  ปรากฏภาพฮอกวอตส์  และสัญลักษณ์แห่งเรเวนคลอ  ก่อนที่ภาพจะหายไป
         แฮร์รี่สะดุ้งตื่นขึ้นด้วยใบหน้าชุ่มเหงื่อ   เขามองไปรอบๆ ตัวอย่างหวาดกลัวก่อนจะพบว่าเขาอยู่ในห้องนอนกับรอนเพียงสองคน   ก็ทิ้งตัวลงอย่างอ่อนแรงอีกครั้ง   ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทรา
 

         เช้าวันต่อมา
         “ฉันว่าฮอลครักซ์ชิ้นต่อไป  ต้องอยู่ที่ฮอกวอตส์!!
         “อะไรทำให้นายคิดแบบนั้น?”   รอนถามขณะจิ้มไส้กรอกเข้าปากและเคี้ยวตุ้ยๆ  ท่ามกลางสายตารังเกียจของบิลและจินนี่  แต่เฟลอร์เดินเข้ามาส่งผ้าเช็ดปากให้เขาและกลับไปนั่งข้างสามีดังเดิม
         “ความเชื่อมโยงของฉัน กับโวลเดอร์มอร์
         “ไม่ได้นะแฮร์รี่   เธอจะไม่ปล่อยให้เขาเข้ามาอีก   ถ้าเกิดเขารู้ถึงแผนการของพวกเรามันจะแย่น่…!!”    จินนี่พูดยังไม่จบแฮร์รี่ก็สวนขึ้น
         “ฉันทำไม่ได้!  เขาแกร่งเกินไป  และเราก็ไม่มีทางเลือกอย่างน้อยเราก็รู้ว่าโวลเดอมอร์วางแผนอะไรอยู่ไม่ใช่หรอ?!!”    เขาเผลอบันดาลโทสะออกมาจนทุกคนบนโต๊ะตกใจเงียบกันหมด
         “…”
         “ฉันขอโทษ…. แต่  ฉันไม่รู้สิ    ฉันรู้สึกโกรธตลอดเวลาเลย  มันเป็นเพราะอะไรกัน…”
         “ความเชื่อมโยง  ไม่ได้หมายถึงการเห็นภาพร่วมกันอย่างเดียวแต่รวมไปถึงความเชื่อมโยงทางความรู้สึกด้วย…”    โอลลิแวนเดอร์พูดขึ้นและจิบถ้วยชาในมือไปด้วย  แฮร์รี่พยักหน้าอย่างเข้าใจ
         “ถ้าคุณไม่ว่าอะไรนะบิล    ผมอยากจะบอกว่าพวกเราจะออกเดินทาง
กันในคืนนี้
         “ได้สิ ถ้าเธอต้องการ   ฉันจะไปส่งพวกเธอที่ ฮอกส์มี้ด  โอเคมั้ย?” 
ทั้งสามคนพยักหน้าก่อนจะแยกย้ายออกไปจากห้องครัว
         “จินนี่…”    แฮร์รี่เดินตามจินนี่เข้ามาในห้องของเธอก่อนจะเรียกเธอ
ด้วยเสียงอันแผ่วเบา    จินนี่หันมาหาเขาแฮร์รี่เอื้อมมือมาสัมผัสแก้มของเธอ  ที่เต็มไปด้วยรอยช้ำจากฝีมือของเบลลาทริกซ์   เธอค่อยๆ  หลับตาลงอย่างแผ่วเบา  ราวกับมือของชายตรงหน้าจะช่วยเยียวยาบาดแผลของเธอได้
          “เพราะฉัน   เธอถึงได้บาดเจ็บแบบนี้  ฉันไม่น่าพาเธอมาลำบา…!!”  ยังพูดไม่ทันจบจินนี่ก็ดึงชายตรงหน้ามาจุมพิตอย่างปลอบประโลม  เขาจูบตอบเธออย่างเนิ่นนานก่อนจะผละออกจากกันอย่างเสียดาย
          “อย่าโทษตัวเองเลย  ฉันเป็นคนขอจะมากับเธอเองนะ   เพราะฉะนั้น  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม   ฉันเตรียมใจไว้แล้วล่ะ”    แฮร์รี่มองหน้าเธอด้วยแววตาระคนตกใจกับความกล้าหาญที่มีอยู่ในตัวของหญิงสาวตรงหน้าอย่างเต็มเปี่ยม และบางทีอาจจะมีมากกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ

          อีกห้องหนึ่ง
          ชายผมแดงร่างกำยำสมส่วนกำลังมองภาพภายในกรอบรูปที่มีบุคคลทั้ง
3  หญิงหนึ่งชายอีก 2  รวมเขาด้วย  กำลังฉีกยิ้มให้กล้องพลางหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน
          “เธอจะเป็นยังไงบ้างนะ   เฮอร์ไมโอนี่



.....................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น