EP.15
ห้องลับ
เช้าวันต่อมาขณะที่ เฮอร์ไมโอนี่กำลังรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับ ‘เครื่องรางยมทูต’ จากหนังสือในห้องหนังสือ ของคฤหาสน์ เพฟเวอร์เรลล์ อย่างเคร่งเครียด แต่ก็ไม่มีข้อมูลอะไรมากพอ นอกจากข้อความ 2-3 บรรทัด ที่สอดแทรกอยู่ตามหนังสือเรื่องว่าด้วยของวิเศษ และตำนานเก่าแก่เท่านั้น
ขณะที่เธอกำลังเอื้อมมือไปหยิบหนังสือเล่มใหม่ แต่มันอยู่สูงเหลือเกิน
ร่างสูงเดินมาด้านหลังเธอก่อนจะหยิบมันออกมาจากชั้นวาง เธอรีบหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับเขาทันที
“อ้าว ตื่นแล้วหรอเฟร็ด อาหารเช้าอยู่ในห้องครัวนะ”
“ฉันยังไม่ค่อยหิวเลย” ร่างสูงดึงเธอเข้ามาจุมพิตอย่างแผ่วเบาจนเฮอร์
ไมโอนี่หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย ก่อนที่เขาจะผละออกอย่างเสียดาย
“กำลังหาข้อมูลหรอ?” เฟร็ดพูดและพลิกหนังสือในมือไปมา
“ยังไม่ถึงไหนเลย มีแต่ข้อมูลเก่าๆ ซ้ำกันเต็มไปหมดไม่มีเบาะแสอะไร
เพิ่มเติมซักนิด” เฮอร์ไมโอนี่มุ่ยหน้า
เฟร็ดรู้สึกถึงความเครียดของเธอที่มีมากเกินไปแล้วจนเขาอดที่จะเป็น
ห่วงเธอไม่ได้ ร่างสูงเดินไปอีกมุมหนึ่งของห้อง และกลับออกมาพร้อมกับถาดที่ใส่ถ้วยโกโก้ร้อน 2 ใบ และขนมหวานอีกหลายชนิด
ร่างบางรับมันมาดื่ม ด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายขึ้น และยิ้มเป็นเชิงขอบคุณเขา เฟร็ดยิ้มตอบด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น พลันสายตาเหลือบไปเห็นสิ่งของบางอย่างที่ห้อยบนคอของเธอ กำลังเปล่งแสงสีขาวนวลออกมาจางๆ เขามองมันด้วยสีหน้าอึ้งๆ มาที่หน้าอกของร่างบาง
“อะ ..อะไรหรอเฟร็ด??”
“เธอยังใส่มัน…??” เฟร็ดถามขึ้นด้วยความตื้นตันใจ
“ฉันใส่ติดตัวไว้ตลอดเลยนะ..” และเธอก็เขินจนหน้าแดงก่อนจะก้มหน้าลงดูล็อกเก็ตในคอที่พาดลงมาบนหน้าอก ก่อนจะตาโตด้วยความตกใจ
ล็อกเก็ตในคอของเธอเรืองแสงออกมาเป็นแสงสีขาวนวลตา ชั่งดูงดงามยิ่งนัก เธอหวนนึกถึงข้อความในจดหมายที่ว่า ‘เครื่องราง ทุกชิ้นจะเปล่งแสงเรียกหากัน…’
“เฟร็ด!!”
“ใช้แล้ว …แสดงว่าเบาะแสที่สำคัญ หรือเครื่องรางชิ้นต่อไปอาจจะอยู่
ในห้องนี้!!” ทั้งสองโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ ก่อนจะเริ่มต้นหาที่มาของแสง
ทันที เฮอร์ไมโอนี่ถอดสร้อยคอล็อกเก็ตให้เฟร็ด เขาถือมันไว้และใช้มืออีกข้างกระชับมือบางไว้ก่อนจะออกเดินไปรอบๆ ห้องโดยแสงที่เปล่งออกมาทวีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขามาหยุดยืนอยู่หน้าผ้าม่านสีดำผืนใหญ่หลังโต๊ะทำงาน
แสงที่เปล่งออกมาเริ่มคงที่ และสว่างจ้าต่างจากตอนแรกลิบลับ ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความฉงน ด้านหลังม่านคงจะเป็นหน้าต่างหรืออะไรซักอย่างถึงได้ปิดมันไว้ เฟร็ดเดินถอยออกมา แต่เฮอร์ไมโอนี่ดึงมือเขาไว้ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้ม่านดำมากขึ้น และเปิดมันขึ้น…
“…”
หลังผ้าม่านมีแต่ผนังสีแดงเข้มที่บุด้วยพรมชั้นดี ทั้งสองถอนหายใจ
ด้วยความผิดหวัง
“ไปเถอะ ฉันคงคิดมาไปเอง เดี๋ยวอาหารเช้าจะชืดหมดนะ…” เฟร็ดยังยืนอยู่ที่เดิม และดึงแขนเฮอร์ไมโอนี่ไว้ จนเธอเหลียวหลังกลับมามองเขา
“ฉันขอยืมไม้กายสิทธิ์หน่อยสิ…” เธอรีบยื่นไม้กายสิทธิ์ให้เขาทันที
เฟร็ดเดินมาที่ผ้าม่านสีดำที่ถูกดึงลงปิดผนังอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะใช้ไม้กายสิทธิ์แตะที่มัน3 ที อย่างช้าๆ พลันเกิดหยดหมึกสีขาวบนม่านก่อนจะขยายวงกว้างเป็นรูปร่างชัดขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นแผนผังตระกูลเพฟเวอร์เรลล์ ตั้งแต่รุ่นแรกจนรุ่นสุดท้าย…
เฟร็ดเดินมาที่ผ้าม่านสีดำที่ถูกดึงลงปิดผนังอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะใช้ไม้กายสิทธิ์แตะที่มัน3 ที อย่างช้าๆ พลันเกิดหยดหมึกสีขาวบนม่านก่อนจะขยายวงกว้างเป็นรูปร่างชัดขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นแผนผังตระกูลเพฟเวอร์เรลล์ ตั้งแต่รุ่นแรกจนรุ่นสุดท้าย…
โดยมีชื่อและภาพวาดของเขา กับเฮอร์ไมโอนี่ในชุดสมัยใหม่ต่างจากผู้
สืบทอดคนก่อนๆ เขาและเธอกลายเป็นเจ้าของคฤหาสน์เพฟเวอร์เรลล์ โดยสมบูรณ์แล้ว!!
เฮอร์ไมโอนี่เดินเข้าไปใกล้ๆ กับแผนผังด้วยความทึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสเบาๆ ที่ภาพเหมือนเก่าๆ จนสีซีดไปมาก ที่ใบหน้าคล้ายเธออีกภาพอยู่ในชุดของหญิงสูงศักดิ์สมัยโบราณ เช่นเดียวกันกับชายในชุดขุนนางแบบโบราณที่มีใบหน้าเหมือนเฟร็ดอย่างกับแฝด!!
เธอพยายามอ่านชื่อใต้ภาพแต่มันก็เลือนรางจนมองแทบไม่เห็น
นั่นน่าแปลกใจมากที่บุคคลในต้นตระกูลเพฟเวอร์เรลล์ ช่างมีหน้าตาคล้ายกับพวกเธอเหลือเกิน แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่ากับตำแหน่งของมันอยู่ในตำแหน่งของรุ่นลูกของผู้ก่อตั้งพอดีเป๊ะ!!
เธอพยายามอ่านชื่อใต้ภาพแต่มันก็เลือนรางจนมองแทบไม่เห็น
นั่นน่าแปลกใจมากที่บุคคลในต้นตระกูลเพฟเวอร์เรลล์ ช่างมีหน้าตาคล้ายกับพวกเธอเหลือเกิน แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่ากับตำแหน่งของมันอยู่ในตำแหน่งของรุ่นลูกของผู้ก่อตั้งพอดีเป๊ะ!!
เฮอร์ไมโอนี่และเฟร็ดจ้องตากันด้วยความสงสัย ก่อนที่ด้านบน ของแผนผังจะปรากฏตัวหนังสือสีทองอร่ามขึ้น มันคงเป็นคีหรือรหัส ที่จะเปิดเข้าไปในห้องลับหรืออะไรซักอย่างแน่นอน!
เฟร็ดอ่านข้อความด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่หนักแน่น
“ข้าคือผู้สืบทอดของตระกูลเพฟเวอร์เรลล์ อันสูงส่ง…” และแตะไม้กายสิทธิ์ลงบนแผนฝัง
แผนผังค่อยๆ เลือนหายไปเผยให้เห็นชั้นวางหนังสือสีดำทะมึนรูปทรง
โบราณหลังหนึ่ง ภายในบรรจุหนังสือโบราณมากมาย บ้างก็รูปทรงแปลกประหลาด ขนาดที่เฮอร์ไมโอนี่ยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน แต่ก็ไม่น่าสนใจไปกว่าหนังสือปกหนาสีน้ำเงินเล่มหนึ่ง ที่กำลังเปล่งแสงสีขาวนวลตรงหน้าพวกเขา ทั้งสองคนหายใจรัวเร็วด้วยความระทึก!!
“เราเจอมันแล้วล่ะเฮอร์ไมโอนี่!!!” เฟร็ดจุมพิตลงบนผมของเธอก่อนจะหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาถือไว้ ของทั้งสองชิ้นเปล่งแสงออกมาราวกับกำลังหยอกล้อกัน เฟร็ดสวมล็อกเก็ตคืนให้เฮอร์ไมโอนี่ ก่อนจะพลิกหนังสือในมือดูอย่างสนใจ
“เปิดดูเลยสิเฟร็ด!!” เฮอร์ไมโอนี่เร่งเร้าด้วยความตื่นเต้น
“เปิดล่ะนะ!”
ร่างสูงพลิกเปิดหน้าแรกของตำรา จู่ๆ ก็เกิดพายุพัดกระหน่ำไปทั่วห้องที่ปิดตาย ไฟในเตาผิงวูบไหวก่อนจะดับลง เหล่าหนังสือในห้องปลิวว่อนไปบนอากาศอย่างไร้ทิศทาง
เฟร็ดและเฮอร์ไมโอนี่กอดกันแน่น พลางมองไปรอบๆ ตัวด้วยใบหน้าตื่นตระหนก!!
หนังสือในมือเฟร็ดกระพือไปตามแรงลม ก่อนจะเปิดค้างที่หน้า ‘ว่าด้วยเครื่องรางแห่งยมทูต’ และเกิดแสงสีทองจากตรงกลางสันหนังสือด้านใน ร่างของทั้งสองก็ถูกดูดเข้าไปในแสงนั้น ก่อนที่ทั้งห้องจะกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง กับห้องที่กระจัดกระจายไปด้วยหนังสือ หลังพายุสิ้นสุดลง…
หนังสือในมือเฟร็ดกระพือไปตามแรงลม ก่อนจะเปิดค้างที่หน้า ‘ว่าด้วยเครื่องรางแห่งยมทูต’ และเกิดแสงสีทองจากตรงกลางสันหนังสือด้านใน ร่างของทั้งสองก็ถูกดูดเข้าไปในแสงนั้น ก่อนที่ทั้งห้องจะกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง กับห้องที่กระจัดกระจายไปด้วยหนังสือ หลังพายุสิ้นสุดลง…
ณ กระท่อมเปลือกหอย
พวกแฮร์รี่กลับมาที่นี่อีกครั้งพร้อมกลับร่างไร้วิญญาณของด็อบบี้ อดีตเอลฟ์ประจำคฤหาสน์มัลฟอย หลังจากที่พวกเขาหลบหนีออกมาจากการจับกุมตัวของพวกมัลฟอย และพวกนักต้อน และยังสามารถช่วยลูน่า ช่างทำไม้กายสิทธิ์ และก็อบลินไว้ได้ สภาพแต่ละคนดูไม่จืดแต่ที่เลวร้ายกว่าก็คือการที่แฮร์รี่ ต้องสูญเสียเพื่อนคนสำคัญอีกคนหนึ่งของเขาไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
ขณะที่ทุกคนกำลังพักผ่อน แฮร์รี่ก็เห็นภาพความเชื่อมโยงของเขากับจอมมาร ปรากฏภาพฮอกวอตส์ และสัญลักษณ์แห่งเรเวนคลอ ก่อนที่ภาพจะหายไป
แฮร์รี่สะดุ้งตื่นขึ้นด้วยใบหน้าชุ่มเหงื่อ เขามองไปรอบๆ ตัวอย่างหวาดกลัวก่อนจะพบว่าเขาอยู่ในห้องนอนกับรอนเพียงสองคน ก็ทิ้งตัวลงอย่างอ่อนแรงอีกครั้ง ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทรา
เช้าวันต่อมา
“ฉันว่าฮอลครักซ์ชิ้นต่อไป ต้องอยู่ที่ฮอกวอตส์!!”
“อะไรทำให้นายคิดแบบนั้น?” รอนถามขณะจิ้มไส้กรอกเข้าปากและเคี้ยวตุ้ยๆ ท่ามกลางสายตารังเกียจของบิลและจินนี่ แต่เฟลอร์เดินเข้ามาส่งผ้าเช็ดปากให้เขาและกลับไปนั่งข้างสามีดังเดิม
“ความเชื่อมโยงของฉัน …กับโวลเดอร์มอร์”
“ไม่ได้นะแฮร์รี่ เธอจะไม่ปล่อยให้เขาเข้ามาอีก ถ้าเกิดเขารู้ถึงแผนการของพวกเรามันจะแย่น่…!!” จินนี่พูดยังไม่จบแฮร์รี่ก็สวนขึ้น
“ฉันทำไม่ได้! เขาแกร่งเกินไป และเราก็ไม่มีทางเลือกอย่างน้อยเราก็รู้ว่าโวลเดอมอร์วางแผนอะไรอยู่ไม่ใช่หรอ?!!” เขาเผลอบันดาลโทสะออกมาจนทุกคนบนโต๊ะตกใจเงียบกันหมด
“…”
“ฉันขอโทษ…. แต่ ฉันไม่รู้สิ ฉันรู้สึกโกรธตลอดเวลาเลย มันเป็นเพราะอะไรกัน…”
“ความเชื่อมโยง …ไม่ได้หมายถึงการเห็นภาพร่วมกันอย่างเดียวแต่รวมไปถึงความเชื่อมโยงทางความรู้สึกด้วย…” โอลลิแวนเดอร์พูดขึ้นและจิบถ้วยชาในมือไปด้วย แฮร์รี่พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ถ้าคุณไม่ว่าอะไรนะบิล ผมอยากจะบอกว่าพวกเราจะออกเดินทาง
กันในคืนนี้”
“ได้สิ …ถ้าเธอต้องการ ฉันจะไปส่งพวกเธอที่ ฮอกส์มี้ด โอเคมั้ย?”
ทั้งสามคนพยักหน้าก่อนจะแยกย้ายออกไปจากห้องครัว
“จินนี่…” แฮร์รี่เดินตามจินนี่เข้ามาในห้องของเธอก่อนจะเรียกเธอ
ด้วยเสียงอันแผ่วเบา จินนี่หันมาหาเขาแฮร์รี่เอื้อมมือมาสัมผัสแก้มของเธอ ที่เต็มไปด้วยรอยช้ำจากฝีมือของเบลลาทริกซ์ เธอค่อยๆ หลับตาลงอย่างแผ่วเบา ราวกับมือของชายตรงหน้าจะช่วยเยียวยาบาดแผลของเธอได้
“เพราะฉัน เธอถึงได้บาดเจ็บแบบนี้ ฉันไม่น่าพาเธอมาลำบา…!!” ยังพูดไม่ทันจบจินนี่ก็ดึงชายตรงหน้ามาจุมพิตอย่างปลอบประโลม เขาจูบตอบเธออย่างเนิ่นนานก่อนจะผละออกจากกันอย่างเสียดาย
“อย่าโทษตัวเองเลย …ฉันเป็นคนขอจะมากับเธอเองนะ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ฉันเตรียมใจไว้แล้วล่ะ” แฮร์รี่มองหน้าเธอด้วยแววตาระคนตกใจกับความกล้าหาญที่มีอยู่ในตัวของหญิงสาวตรงหน้าอย่างเต็มเปี่ยม …และบางทีอาจจะมีมากกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ…
อีกห้องหนึ่ง
ชายผมแดงร่างกำยำสมส่วนกำลังมองภาพภายในกรอบรูปที่มีบุคคลทั้ง
3 หญิงหนึ่งชายอีก 2 รวมเขาด้วย กำลังฉีกยิ้มให้กล้องพลางหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน
“เธอจะเป็นยังไงบ้างนะ …เฮอร์ไมโอนี่”
.....................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น