คำลวง
ในตอนค่ำ
เฟร็ดกำลังทำงานอยู่ในห้องชั้น 2 ของร้านอย่างขะมักเขม้น จอร์จก็เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาหาเขาอย่างเร็วสร้างความแปลกใจให้เขาเป็นอย่างมาก
เฟร็ดกำลังทำงานอยู่ในห้องชั้น 2 ของร้านอย่างขะมักเขม้น จอร์จก็เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาหาเขาอย่างเร็วสร้างความแปลกใจให้เขาเป็นอย่างมาก
“รีบเข้ามามีอะไรหรอจอร์จจี้?”
“วันนี้มีคนของกระทรวงมาแจ้งว่าเฮอร์ไมโอนี่ประสบอุบัติเหตุ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลของพวกมักเกิ้ล”
สิ้นเสียงจอร์จ ใจของเฟร็ดกระตุกวูบอย่างแรงราวกลับว่ามันจะหลุดออกจากร่าง เขาถามถึงที่อยู่ของโรงพยาบาล ก่อนจะสวมเสื้อคลุมอย่างรีบร้อน และหายตัวไปหาคนรักทันที
เฟร็ดเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยตามคำบอกของจอร์จ เขาพบร่างบางกำลังนอนไม่ได้สติ ตามเนื้อตัวของเธอมีร่องรอยของบาดแผลอยู่ทั่วทั้งตัว เฟร็ดทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงด้วยความเจ็บปวดภายในใจอย่างบอกไม่ถูก…
“ถ้าฉันไม่ปล่อยให้เธอกลับบ้านคนเดียว เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น…”
เฟร็ดพร่ำบอกโทษตัวเองอย่างหนัก เขากุมมือบางที่มีแต่บาดแผลของเธอขึ้นมาแนบกับแก้ม อย่างคนสำนึกผิด และเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหลือเกิน
เฟร็ดพร่ำบอกโทษตัวเองอย่างหนัก เขากุมมือบางที่มีแต่บาดแผลของเธอขึ้นมาแนบกับแก้ม อย่างคนสำนึกผิด และเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหลือเกิน
พยาบาลเข้ามาเปลี่ยนถุงน้ำเกลือให้ เธอบอกให้เฟร็ดกลับไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมใหม่ เขาลุกขึ้นมองร่างบางที่กำลังหลับใหลด้วยแววตาเศร้าสร้อยก่อนจะก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากซีดอย่าโหยหาก่อนจะเดินออกจากห้องไป…
ทุกเช้าเขาจะรีบมาที่โรงพยาบาลเพื่อมาดูอาการของเฮอร์ไมโอนี่ ผ่านไปร่วม 3 วัน แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ยังไม่มีทีท่าจพฟื้นเลย นั่นทำให้เฟร็ดรู้สึกเศร้าและหดหู่มาก เขาปล่อยเวลาให้ผ่านไปเรื่อยๆ ไม่สนใจต่อสิ่งใดแม้กระทั่งร้านเกมกลฯ เขาสนใจเพียงอย่างเดียว คือได้เห็นแววตาสีน้ำตาลสดใส และรอยยิ้มจากเธอส่งมาที่เขาเพียงเท่านั้น
วันนี้เขาต้องรีบกลับตั้งแต่ตอนบ่ายแก่ๆ เพราะจอร์จไม่สามารถอยู่ดูร้านได้เนื่องจากเขาต้องพาแองเจลิน่าไปทำคลอด เฟร็ดจึงต้องรีบกลับไปเฝ้าร้านแทน
ขณะที่เขากำลังเดินไปตามทางเดินภายในตึก ก็สวนเข้ากับชายผมบลอนด์รูปร่างดีคนหนึ่ง เพียงแต่ดูเตี้ยกว่าเขามาก ใบหน้า และแววตาที่เห็นเพียงเสี้ยวเดียวก็ฉายแววยโสฯ ออกมาอย่างไม่ปิดบังกับผมบลอนด์เรียบแปล้ก็ช่างดูขัดหูขัดตาเขาเหลือเกิน
เฟร็ดเลิกสนใจรีบมุ่งหน้ากลับไปปิดร้านเพื่อมาเฝ้าเฮอร์ไมโอนี่ต่อ
เฟร็ดเลิกสนใจรีบมุ่งหน้ากลับไปปิดร้านเพื่อมาเฝ้าเฮอร์ไมโอนี่ต่อ
ร่างสูงผมบลอนด์ เปิดประตูเข้ามาในห้องพัก หมายเลข 407 อย่างแผ่วเบาพร้อมด้วยลูกชายวัย 4 ปี ที่ถอดแบบมาจากเขาทุกกระเบียดนิ้ว ติดสอยห้อยตามมาด้วยอย่างที่เขาไม่เต็มใจ
ก่อนจะย่างเดินเข้าไปในห้อง และเข้าไปยืนที่ข้างเตียงที่มีร่างของหญิงสาวผมยาวสยายสีน้ำตาลกำลังนอนไม่ได้สติอยู่ เขาพินิจใบหน้างามของเธออย่างระเอียดแม้ว่าจะมีบาดแผลเล็กๆ ที่แก้มขวาและศีรษะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้าของเธอหม่นหมองเลยแม้แต่น้อย เธอยังดูงดงาม และอ่อนหวานไม่ต่างจากตอนที่พบกับเธอตอนพิธีจบการศึกษาที่ฮอกวอตส์เลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำเธอยังดูสวยขึ้นตามวัยอีกด้วย
เฮอร์ไมโอนี่เริ่มรู้สึกตัวก่อนจะค่อยๆ ปรับสายตาให้รับกับแสงสว่างภาพต่างๆ ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเธอกำลังนอนอยู่ในห้องขนาดเล็กสีขาวที่ปลอดเชื้อ และมีกลิ่นยาคละคลุ้งไปหมด
ร่างบางกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ชายร่างสูงใบหน้าคมคายตรงหน้า ก่อนจะจ้องหน้าเขาด้วยความสงสัย…
ชายผมบลอนด์มีท่าทีตกใจเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ ร่างบางก็ตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาละสายตาไปจากเธอและเอื้อมมือไปกดกริ่งเรียกพยาบาล เพียงไม่นานทีมแพทย์ก็เขามาในห้อง เขาเดินถอยหลบฉากออกมาปล่อยให้เป็นหน้าที่การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
“ขอโทษนะคะ คุณคือญาติผู้ป่วยหรือเปล่าคะ??” พยาบาลร่างท้วมเดินเข้ามาถามเขา ร่างสูงกระอักกระอ่วนที่จะตอบ เขาเพียงพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับเท่านั้น
“ผู้ป่วยมีบาดแผลสาหัสมากค่ะ แล้วสมองของเธอก็ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก”
“หมายความว่าไงครับ?”
“ทางเราได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว พบว่าอุบัติเหตุในครั้งนี้ ผู้ป่วยอาจจะต้องสูญเสียความจำค่ะ”
“…”
ร่างสูงยืนมองร่างบางบนเตียงนิ่ง พยาบาลและทีมแพทย์จึงทะยอยออกจากห้องไป ร่างสูงเดินเข้ามาหาร่างบางที่กำลังมองมาที่เขาด้วยใบหน้าใคร่รู้
ร่างสูงยืนมองร่างบางบนเตียงนิ่ง พยาบาลและทีมแพทย์จึงทะยอยออกจากห้องไป ร่างสูงเดินเข้ามาหาร่างบางที่กำลังมองมาที่เขาด้วยใบหน้าใคร่รู้
“เฮอร์ไมโอนี่ เธอเป็นยังไงบ้าง?..”
“นั่น ชื่อฉันหรอ?” ร่างสูงไม่ตอบเขาเพียงพยักหน้าให้เธอเท่านั้น
“…”
“ฉันปวดหัวมาก แล้วก็ เอ่อ…ปวดไปทั้งตัวเลย..”
ร่างบางทรุดตัวลงนอนราบกับเตียงอีกครั้งเมื่อรู้สึกแสบที่บาดแผล เหมือนเป็นการเตือนเมื่อเธอขยับตัวมากเกินไป ร่างสูงค่อยๆ ประคองเธอลงอย่างช้าๆ
ร่างบางทรุดตัวลงนอนราบกับเตียงอีกครั้งเมื่อรู้สึกแสบที่บาดแผล เหมือนเป็นการเตือนเมื่อเธอขยับตัวมากเกินไป ร่างสูงค่อยๆ ประคองเธอลงอย่างช้าๆ
“เอ่อ อาจจะช้าเกินไป แต่…คุณชื่ออะไรหรอคะ?”
เฮอร์ไมโอนี่จ้องเขาด้วยดวงตากลมโตสีน้ำตาลราวกลับเด็กน้อย ร่างสูงนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงและกุมมือเธอไว้แผ่วเบา
เฮอร์ไมโอนี่จ้องเขาด้วยดวงตากลมโตสีน้ำตาลราวกลับเด็กน้อย ร่างสูงนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงและกุมมือเธอไว้แผ่วเบา
“ฉันชื่อเดรโก มัลฟอย และเราสองคนเป็นสามีภรรยากัน…”
..............................................................................................................
เดรโก มัลฟอย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น