EP.10
ความลับของแฝด
เฮอร์ไมโอนี่วิ่งออกมาจากบ้าน ก่อนจะมาหยุดอยู่ในสวน ตรงหน้ามีชายร่างสูงผมแดงนอนคว่ำหน้าหมดสติอยู่แววตาแห่งความดีใจฉายชัดขึ้นมาบนดวงตาคู่สวยทันที!
เฮอร์ไมโอนี่พยายามพยุงร่างเฟร็ดขึ้นแต่ก็ไร้ผลตัวเขาทั้งใหญ่ และหนักเกินไปสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบเธอ
เมแกนที่เดินตามมาทีหลัง จัดการเสกคาถาเคลื่อนย้ายสิ่งของ ย้ายร่างของชายหนุ่มเข้ามาในบ้าน ร่างบางถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
‘เราเป็นห่วงเขาจนลืมแม้แต่คาถาง่ายๆ เลยหรอ!!’ ก่อนจะเดินตามเมแกนเข้าไปในคฤหาสน์
เมแกนที่เดินตามมาทีหลัง จัดการเสกคาถาเคลื่อนย้ายสิ่งของ ย้ายร่างของชายหนุ่มเข้ามาในบ้าน ร่างบางถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
‘เราเป็นห่วงเขาจนลืมแม้แต่คาถาง่ายๆ เลยหรอ!!’ ก่อนจะเดินตามเมแกนเข้าไปในคฤหาสน์
สองวันที่ผ่านมา เฟร็ดยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา เฮอร์ไมโอนี่นั่งเฝ้าดูอาการชายผมแดงอย่างใกล้ชิด จนในหน้า และร่างกายเริ่มโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาที่เคยสดใสกลับหม่นแสงลงด้วยความเหนื่อยล้าจากการไม่ค่อยได้พักผ่อนเป็นเวลา 2 วันเต็มๆ
เฮอร์ไมโอนี่ขอร้องให้เมแกนช่วยใช้คาถาเรียก กระเป๋าขยายพื้นที่ตรวจจับไม่ได้ มาให้เธอ เพราะเฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถเรียกของจากที่ไกลๆ ขนาดนั้นได้ และเธอก็รู้ว่าที่บ้านโพรงกระต่ายไม่ปลอดภัยที่จะกลับไปอีก เธอต้องพร้อมเสมอสำหรับการเดินทางตามหาเครื่องรางที่กำลังจะมาถึงเมื่อไหร่ไม่อาจล่วงรู้ได้…
หญิงชราให้เอลฟ์มาเสิร์ฟอาหารสามเวลา และอาหารว่างมือดึกอีกอย่างไม่ให้ขาด แต่ทุกครั้งที่เอลฟ์กลับลงมา อาหารก็พร่องไปเพียงนิดหน่อยเท่านั้น หญิงชราเดินเข้ามาในห้องรับรองแขกที่ บัดนี้แขกของเธอกำลังนอนไม่ได้สติพักอยู่ นางเอามือแตะเบาๆ ที่บ่าของเด็กสาว หญิงชรามองเธอด้วยสายตาห่วงใย
“เขาจะปลอดภัย”
“…”
เด็กสาวเพียงแต่ส่งยิ้มกลับไปด้วยใบหน้าอิดโรยเท่านั้น ก่อนจะเบนสายตากลับมายังร่างไร้สติตรงหน้า
ในห้องที่มืดมิดมีเพียงแสงจากดวงจันทร์ทอดลงมาจากหน้าต่างข้างเตียง ส่องให้เห็นการเคลื่อนไหวที่เป็นจังหวะของคนทั้งสอง ลมหายใจที่สม่ำเสมอบอกให้ทราบว่าทั้งคู่กำลังโลดแล่นอยู่ในห้วงนิทรา
ร่างสูงค่อยๆ ลืมตาในความมืดใช้เวลาไม่นานนัก สายตาก็เริ่มชินกับความมืดได้อย่างรวดเร็ว เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายมีเฟอร์นิเจอร์เพียงไม่กี่ชิ้น แต่ทว่าทุกชิ้นดูมีมูลค่าสูงมากอย่างที่เขา และครอบครัวคงไม่สามารถเป็นเจ้าของได้ ก่อนที่สายตาจะมาหยุดอยู่ที่เงาตะคุ่มๆ ข้างเตียง
ผมสีน้ำตาลลอนสวยสยายบนเตียงต้องกับแสงจันทร์อย่างงดงามราวกับเส้นไหมชั้นดี ใบหน้าที่แม้เพียงเห็นแค่เสี้ยวหน้าก็ช่างงดงาม อ่อนหวาน จนไม่ว่าชายใดได้ประสบพบเจอต้องลุ่มหลงไปกับความงามของเธอแน่นอน…
มือบางที่กอบกุมมือเขา ช่างบอบบาง และอบอุ่นเหลือเกินในความคิดของเขา จนไม่อยากจะปล่อยมือเธอ
เฟร็ดขยับตัวลงจากเตียงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะก้มลงช้อนร่างบางขึ้นมาอยู่อ้อมกอด ถึงแม้จะรู้สึกปวดระบมไปทั่วทั้งร่างกายแต่เขาก็ไม่หวั่น เฟร็ดวางเธอลงบนเตียงอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวว่าเขาอาจจะทำให้เธอตื่น แต่เปล่าเลยเธอหลับสนิท…ร่างกายคงอ่อนเพลียมาก
เฟร็ดขยับตัวลงจากเตียงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะก้มลงช้อนร่างบางขึ้นมาอยู่อ้อมกอด ถึงแม้จะรู้สึกปวดระบมไปทั่วทั้งร่างกายแต่เขาก็ไม่หวั่น เฟร็ดวางเธอลงบนเตียงอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวว่าเขาอาจจะทำให้เธอตื่น แต่เปล่าเลยเธอหลับสนิท…ร่างกายคงอ่อนเพลียมาก
เฟร็ดนั่งลงบนเตียงข้างๆ เธอ เขาเอื้อมมือไปปัดปอยผมที่ลงมาปรกหน้าออกก่อนจะสำรวจใบหน้าของเธออีกครั้ง ดวงตาบอบช้ำ ใบหน้าอิดโรยกว่าเมื่อตอนที่เขาพบเธอครั้งล่าสุดมาก
‘เธอไม่ได้พักผ่อนเพราะต้องคอยดูแลฉันสินะ…’
เฟร็ดเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้กับริมฝีปากสีชมพูที่แม้จะดูแห้งผาก แต่ก็ยังคงอวบอิ่มน่าสัมผัสดังเดิม จมูกของทั้งสองสัมผัสกัน
เขาหลับตาลงอย่างข่มใจก่อนจะเลื่อนไปจุมพิตเบาๆ ที่หน้าผากเนียนของเธอ …และเดินออกจากห้องไป
เขาหลับตาลงอย่างข่มใจก่อนจะเลื่อนไปจุมพิตเบาๆ ที่หน้าผากเนียนของเธอ …และเดินออกจากห้องไป
เฟร็ดเดินลงบันไดมาเรื่อยๆ พลางสำรวจบ้านหลังนี้ อันที่จริงจะเรียกบ้านก็ไม่ถูก มันกว้างขวางและโอ่อ่าราวกับคฤหาสน์ แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นราวกับบ้านหลังเล็กๆ ของเขาเลย และเมื่อเขาเลี้ยวตรงหัวมุมห้องก็พบเข้ากับหญิงชรานั่งจิบชาอยู่บนโซฟาหน้าเตาผิงในห้องนั่งเล่น เขาทำท่าจะเดินกลับขึ้นห้องไป
“ตื่นแล้วหรอพ่อหนุ่ม”
หญิงชราพูดขึ้นทั้งๆ ที่ยังไม่ได้หันมามองด้วยซ้ำ เฟร็ดเดินมาใกล้เธออย่างระมัดระวัง เผยให้เห็นใบหน้าของเธอ
หญิงชราพูดขึ้นทั้งๆ ที่ยังไม่ได้หันมามองด้วยซ้ำ เฟร็ดเดินมาใกล้เธออย่างระมัดระวัง เผยให้เห็นใบหน้าของเธอ
“คุณในตอนนั้น!!... ใช่ที่เราเจอกันในตรอกน็อทเทิร์นใช่มั้ย?!!” เฟร็ดโพล่งออกมาอย่างตกใจ หญิงชรายิ้มให้อย่างอบอุ่น และผายมือให้เขานั่งลงที่โซฟาอีกตัวข้างเธอ
“ชามั้ย??” เฟร็ดส่ายหน้าปฏิเสธ
“แผลเป็นยังไงบ้างล่ะพ่อหนุ่ม..”
“ดีขึ้นแล้วฮะ นี่ผมมาที่นี่ได้ยังไง…เฮอร์ไมโอนี่อีก คุณไปทำอะไรที่ตรอกน็อทเทิร์น? โวลเดอมอร์หมายถึงอะไร? คือ ผมหมายถึงเขาต้องการอะไรจากผม!!!!” เฟร็ดยิงคำถามรัวเร็วจนหญิงชรากลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่
“ใจเย็นพ่อหนุ่ม ตั้งใจฟังฉันให้ดี…”
หญิงชราเริ่มเล่าว่าตนเป็นใคร และโวลเดอมอร์กำลังตามหาเครื่องรางยมทูตทั้ง 3ชิ้น เพราะมันจะส่งผลให้เขาแข็งแกร่งขึ้น และหนึ่งในนั้นก็คือหินชุบวิญญาณที่ตอนนี้เฟร็ดได้นำไปทำล็อกเก็ต ให้เฮอร์ไมโอนี่ด้วยความไม่รู้ และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาพบหญิงชราที่ตรอกน็อทเทิร์น ขณะที่เธอกำลังหลบหนีการตามล่าของเหล่าผู้เสพความตาย
หญิงชราเริ่มเล่าว่าตนเป็นใคร และโวลเดอมอร์กำลังตามหาเครื่องรางยมทูตทั้ง 3ชิ้น เพราะมันจะส่งผลให้เขาแข็งแกร่งขึ้น และหนึ่งในนั้นก็คือหินชุบวิญญาณที่ตอนนี้เฟร็ดได้นำไปทำล็อกเก็ต ให้เฮอร์ไมโอนี่ด้วยความไม่รู้ และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาพบหญิงชราที่ตรอกน็อทเทิร์น ขณะที่เธอกำลังหลบหนีการตามล่าของเหล่าผู้เสพความตาย
เมื่อเล่ามาถึงตอนนี้หญิงชราก็หยุดและยกถ้วยชาขึ้นดื่ม
“แล้ว… ผมมาที่นี่ได้ยังไง เฮอร์ไมโอนี่อีก!!” หญิงชราตวัดสายตาขึ้นมองเด็กหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยปากถามกลับไปว่า
“แหวนล่ะ? …มันยังอยู่รึป่าว??!” เฟร็ดใช้มือคลำๆ ที่กระเป๋าหน้าอกก่อนจะล้วงมือเข้าไปหยิบมันออกมาส่งให้หญิงชรา เพราะแต่เดิมมันเป็นของเธอ
“ผะ …ผมคิดว่ามันคือกุญ…..”
“ใช่!! มันคือกุญแจนำทาง แต่ก็ต่าง…ทั้งมีความเหมือนและไม่ กรรมวิธีมันซับซ้อนกว่ามาก อย่างที่เธอรู้ มันไม่มีจุดหมายปลายทางหรอก …มันจะไปในที่ๆ จิตใต้สำนึกของผู้ครอบครองต้องการ” เธอยกถ้วยชาขึ้นดื่มอีกครั้ง
“เพราะผมนึกถึง …. ผมถึงได้มาโผล่ที่นี่ แทนนี่จะเป็นบ้านโพรงกระต่าย” เฟร็ดเริ่มเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด และนึกขอบคุณแหวนวงนี้ ไม่อย่างงั้นเขาคงกลายเป็นผีเฝ้าศูนย์บัญชาการลับของโวลเดอมอร์ไปแล้ว…
“ที่นั่นไม่ปลอดภัยอีกแล้วหนุ่มน้อย ฉันจึงต้องพาแม่หนูนั่นมาที่นี่เพื่อทำภารกิจไง”
“เกิดอะไรขึ้นที่บ้านโพรงกระต่าย!!”
“หลังจากที่เธอหายตัวไป โวลเดอมอร์ คงจะโกรธมาก และก็เป็นเช่นนั้น เขาส่งผู้เสพความตายไปที่บ้านของเธอ” เมื่อเห็นเฟร็ดมีสีหน้าวิตกเธอจึงพูดต่อ
“แต่ตอนนี้ภาคีได้พาตัวเด็กๆ ไปยังที่ๆ ปลอดภัยแล้ว”
“คุณรู้เรื่องภาคีได้ไง!!!” เฟร็ดรู้สึกโกรธที่ความลับของภาคีรั่วไหล
“ฉันเป็นเพื่อนของ บาธิลดา คนเดียวที่ไหน เพื่อนของเธอก็คือเพื่อนของฉัน ดัมเบิลดอร์ ให้ฉันเป็นพี่เลี้ยงเด็กภาคีรุ่นแรก แน่นอนพวกเขาต้องรู้จักฉัน” เฟร็ดนึกย้อนไปถึงห้องประชุมในกริมโมเพลส ที่มีรูปของผู้ก่อตั้งแขวนอยู่ ในตอนแรกเขานึกว่าผู้หญิงที่ยืนด้านซ้ายมือของดัมเบิลดอร์คือ บาธิลดา แต่ไม่ใช่เธอ ผู้หญิงในรูปคือ เมแกน เพฟเวอร์เรลล์ ที่หน้าคล้าย บาธิลดา อย่างกับฝาแฝด!!
“ผมเข้าใจแล้ว แล้วที่คุณพูดถึงคำทำนาย และภารกิจมันคืออะไรผมอยากรู้” เฟร็ดชอบเรื่องแบบนี้มาก การผจญภัยความสนุกสนาน แต่มันจะหายไปในไม่ช้าแน่นอน หญิงชราคิดในใจ
“คำทำนายที่ว่า…”
‘ในยามที่จันทราแห่งรัตติกาลดวงที่สองปรากฏ ผู้ครอบครองเครื่องรางจะนำพาทั้งความสว่าง และความมืดกลับมาอีกครั้ง’
เฟร็ดนั่งฟังอย่างตั้งใจ และเริ่มรู้ถึงความเชื่อมโยง และเหตุผลของความต้องการจะปกครองโลกผู้วิเศษของโวลเดอมอร์ทันที
“เขาเก่งกาจ เขาต้องได้มันไปอย่างแน่นอน เราจะถูกฆ่าตายจนหมด!!”
“ยังมีอีก หนึ่ง คำทำนาย…”
เฟร็ดหันมามองหน้าหญิงชราอีกครั้ง แววตาเป็นประกายด้วยความหวัง อย่าแรงกล้าทันทีถึงทางออกอีกทางที่ยังเหลืออยู่
เฟร็ดหันมามองหน้าหญิงชราอีกครั้ง แววตาเป็นประกายด้วยความหวัง อย่าแรงกล้าทันทีถึงทางออกอีกทางที่ยังเหลืออยู่
“ผู้สยบจอมมารมีเพียง หนึ่ง แต่ผู้ยังยั้งเขาได้มีมากกว่า 4…”
เมื่อสิ้นเสียงหญิงชรา ความเงียบก็เข้าปกคลุมห้องนั่งเล่นอีกครั้ง ก่อนที่เฟร็ดจะเอ่ยด้วยเสียงอันเบาว่า
เมื่อสิ้นเสียงหญิงชรา ความเงียบก็เข้าปกคลุมห้องนั่งเล่นอีกครั้ง ก่อนที่เฟร็ดจะเอ่ยด้วยเสียงอันเบาว่า
“มากกว่า 4 หมะ….หมายความว่าไง?” เฟร็ดเอ่ยถามด้วยเสียงอันสั่นเทา
“อาจจะมีอีกคน …หรือไม่มีก็ได้” บุคคลทั้งสองจ้องหน้ากันอย่างไม่หลบสายตา แววตาของ เฟร็ด วูบไหว ต่างจากหญิงชราที่มองเขาอย่าแน่วแน่
“สุดท้ายแล้วเขาอีกคน …อีกเพียงคนเดียวต้องตาย”
“คุณบอกได้มั้ย ว่าคนนั้นคือใคร??” หญิงชรามองหน้าเฟร็ดนิ่งก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมา
“คนนั้น …คือเธอไง”
ร่างของเฟร็ดชาไปหมดทั้งร่าง เขารู้สึกถึงมวลในอากาศที่หนักอึ้ง หูอื้อ ตาลาย ขึ้นมาอย่างกะทันหัน บ้านทั้งหลังสั่นไหวราวกับถูกแบกอยู่บนหลังโทรล
เขาหวนนึกถึงคำทำนายของคุณยายทวด เทสซี่
‘มีเพียง 1 ที่รอด …อีกเพียง 1 เท่านั้น …เมื่อมี 1 ต้องไม่มีอีก 1 นั่นเป็นคำสาป’
วันนั้นคงมาถึงแล้วสินะ เฟร็ด หลับตาลงช้าๆ หญิงชราเอ่ยเรียก และส่งถ้วยชาอีกถ้วยให้เขา ร่างสูงรับมันไว้ก่อนจะพยักหน้าให้หญิงชราเล่าต่อ
“ฉันรู้จาก รีมัส ว่าแฮร์รี่และเพื่อนๆ กำลังตามหา ‘ฮอร์ครักซ์’ …มีอันตรายที่ไม่คาดคิดรอพวกเขาอยู่เบื้องหน้าเขารู้ใช่มั้ย พวกเขา…”
“3 คน …ผมทราบมาแบบนั้นเดิมทีมี เฮอร์ไมโอนี่ด้วย พวกเขาออกตามหาชิ้นต่อไปทันทีหลังจบงานแต่งของบิล และเฟลอร์”
“ใช่ๆ และก็ทำได้ดีซะด้วยนะ” หญิงชรายิ้มให้กับตัวเอง เฟร็ดมองเข้าไปในแก้วชา กับความคิดที่ทอดไกล และก่อนที่จะไกลไปมากกว่านี้ หญิงชราก็พูดต่อดึงความสนใจเขากลับมาอีกครั้ง
“และพวกเธอในฐานะผู้หยุดยั้งแผนการของจอมมาร เธอกับแม่หนูนั่น …ตัดสินใจดีๆ ”
“สุดท้ายแล้ว ผลที่ออกมามันก็จบลงเหมือนเดิมใช่มั้ยฮะ?” เมแกนเอื้อมมือไปแตะแขนของเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างเป็นห่วง ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองหญิงชราด้วยแววตาสงบ
“ผมจะทำ…”
.......................................................................................................
สัญลักษณ์ของ 'เครื่องรางยมทูต'
สัญลักษณ์ของ 'เครื่องรางยมทูต'
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น